เปิดตัวแฟน "เจ๊นุช" รับทำร้ายทหารหญิงจริง อ้างทำไปเพราะรักจึงสั่งสอน

ความคืบหน้าคดีที่ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม อายุ 43 ปี ผบ.หมู่ กก. 4 บก.ส.1 หรือ "เจ๊นุช" ผู้ต้องหาค้ามนุษย์ และทำร้ายร่างกาย ในคดีทำร้าย อดีตทหารหญิงรับใช้ หรือ น.ส.เอ  ที่ไม่ได้รับการประกันตัวในศาลชั้นต้น ถูกต้องนำตัวส่งเข้าเรือนจำกลางราชบุรี เพื่อฝากขัง เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (22 ส.ค.) และมีรายงานว่าคดีนี้ ยังมีผู้ร่วมก่อเหตุอีกหลายราย โดยบ่ายวันนี้ (23 ส.ค. 65) น.ส.เอ พร้อมด้วย กัน จอมพลัง ได้เดินทางไปแจ้งความเพิ่มที่ สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายคมสิทธิ์ จังพานิช น้องชายของนักการเมืองชื่อดังในอำเภอโพธาราม จ.ราชบุรี ที่ร่วมทำร้ายร่างกายด้วย (อ่านข่าว)

ซึ่งกรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง นายคมสิทธิ์ จังพานิช คนที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยนายคมสิทธิ์ ได้เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวว่า ยอมรับว่าเป็นแฟนของ เจ๊นุช ซึ่งรู้จักกันมานานหลายเดือนแล้ว และไม่เคยเห็นว่ามี สว. คนไหนคบกับนุชในช่วงที่ตนเองรู้จักกับนุช โดยรู้จักกันเพราะ เจ๊นุช กับ น.ส.เอ นั้นไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.โพธาราม ซึ่งตนชอบไปนั่งที่ร้านทุกวัน จนมารู้จักกันและเริ่มสนิทสนมกัน และได้รู้ว่า น.ส.เอ เป็นเด็กชอบโกหก เวลาทำผิดก็ชอบแถ ทุกเรื่อง ซึ่งตนก็พยายามที่ตักเตือนสั่งสอน น.ส.เอ ทุกครั้งที่มีปัญหา กับ เจ๊นุช เพราะ น.ส.เอ จะรู้ว่า จะทำอย่างไรที่จะไม่ให้ เจ๊นุช โกรธ หรือมาทำร้าย น.ส.เอ แต่ตัวของ น.ส.เอ ก็พยายามที่จะทำในสิ่งที่นุชไม่ชอบซ้ำ ๆ 

นายคมสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา น.ส.เอ บอกกับตนเองว่า เจ๊นุช เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและรักษาตัวมา 2 ปี ส่วน น.ส.เอ นั้นก็มาอยู่กับ เจ๊นุช นานหลายปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่ตนจะรู้กับ เจ๊นุช โดยอยู่เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ไปกินด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน โดย น.ส.เอ จะเป็นคนขับรถพา เจ๊นุช ไป เพราะนุชยังขับรถไม่ค่อยเก่งและไม่ค่อยรู้เส้นทาง ที่ผ่านมา น.ส.เอ ขอมาทำงานกับตนด้วย เพราะอ้างว่าเงินเดือนไม่พอใช้ อยากได้เงินเดือนสองที่ ทั้งเงินเดือนทหาร และเงินค่าจ้างจากตน ที่รับทำรั้วคอนกรีต ซึ่งตนก็ให้มาทำ แต่ น.ส.เอ ทำงานไม่ได้ ตนก็ต้องให้หยุดไป ซึ่งเมื่อ น.ส.เอ ทำผิดก็จะขอโทษและขอโอกาส ซึ่งจะเป็นอย่างนี้ซ้ำ ๆ จนตนเองก็ทนไม่ไหว 

นายคมสิทธิ์ยอมรับว่าทำร้ายร่างกาย น.ส.เอ จริง แต่ทำแล้วก็สอน น.ส.เอ ไปด้วย ซึ่งคงไม่มีใครทนได้ หากคนที่เรารักถูกกระทำซ้ำ ๆ หลายครั้งที่ เจ๊นุช บอกให้ น.ส.เอ กลับไปบ้านเพราะทนไม่ไหวแล้ว แต่ น.ส.เอ ก็ไม่ยอมกลับ แถม น.ส.เอ ยังให้พ่อแม่มาขอให้อยู่ต่อด้วย เงินเดือนของ น.ส.เอ ในช่วงที่เป็นทหารนั้นเงินเดือนไม่พอใช้ เพราะทราบว่า มีข้อตกลงระหว่าง เจ๊นุช กับ น.ส.เอ ว่า ถ้าไปกินไปเที่ยวด้วยกัน ก็ขอให้หารกันคนละครึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะค่าใช้จ่ายในบ้านนั้น เจ๊นุช เป็นคนออก และช่วยกันทำงานบ้าน ไม่มีใครเป็นคนรับใช้ หรือเป็นเจ้านาย อยู่กับแบบคนในครอบครัวเดียวกัน ซึ่งพ่อแม่ของตนก็รับรู้ว่ามาตลอดว่าตนคบกับ เจ๊นุช โดยทุกครั้งที่มาที่บ้าน น.ส.เอ ก็จะขับรถพาเจ๊นุช มาทุกครั้งและมาบ่อย

นายคมสิทธิ์ กล่าวว่า ในวันที่ น.ส.เอ ออกจากบ้านมาก็ไม่ได้มีบาดแผลอะไร ซึ่งตำรวจที่เดินทางไปรับ น.ส.เอ ออกมาก็เห็นว่าไม่มีบาดแผลอะไร แต่พอหายออกจากบ้านมา 2 - 3 วัน และมาร้องเรียนสื่อ กลับมีบาดแผลหลายที่ ก็เลยอยากถามว่า บาดแผลมาจากไหน แล้วทำไมไม่กลับไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเดิม ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งไปตรวจตอนแรก แต่กลับไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง ที่ผ่านมา น.ส.เอ บอกว่ารัก เจ๊นุช เป็นห่วง เจ๊นุช และบอกว่า รักและเคารพตนเอง แต่กลับมาทำอย่างนี้

นายคมสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อ น.ส.เอ ไปแจ้งความเอาผิดกับตนเอง ก็ยอมรับผิดและจะไปมอบตัวด้วย แต่เมื่อไหร่ น.ส.เอ จะหยุด ตนอยากจะเตือนไว้ ตอนนี้ไม่รู้ว่า น.ส.เอ จะทำอะไรแต่เชื่อว่า น่าจะตกเป็นเครื่องมือของคนอื่น ถ้า น.ส.เอ ยังไม่หยุดในตอนนี้ สุดท้าย น.ส.เอ จะลำบากคนเดียว อยากให้จำคำตนเองไว้ เพราะที่ผ่านมาสอนมาตลอด และเคยร้องไห้กับ น.ส.เอ

อยากให้ น.ส.เอ นึกย้อนกลับไปว่า ตนนั้นหวังดีมาตลอด ทุกครั้งที่ถูกตบตี ก็จบด้วยการสอน น.ส.เอ ทุกครั้งอยากให้ น.ส.เอ นึกให้ดี ๆ อยากจะฝากถึง น.ส.เอ ว่า ที่ผ่านมาเคยบอก น.ส.เอ ไว้เสมอว่า คนเราเท่ากันอยากให้จำคำเอาไว้ ทุกวันนี้ น.ส.เอ หลงผิด หรือทำอะไรไม่รู้ และก็สงสัยว่า น.ส.เอ ทำอะไรอยู่ แต่ขอให้หยุดซะ