คนเร่ร่อนฆ่าโหดลุงหาหอย ใช้หินทับไว้ใต้น้ำ นั่งเฝ้านับสิบ ชม. เพื่ออำพราง

วันนี้ (14 ส.ค.) เมื่อเวลา 01.00 น. ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ รับแจ้งจากชาวบ้านพบศพคนจมน้ำ ที่สะพานห้วยจระเข้มาก ปากทางเข้าบ้านห้วย ม.7 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จึงประสานหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ 

ที่เกิดเหตุ พบชาวบ้านมุงดูจำนวนมาก บริเวณใต้สะพาน พบศพ นายโกสม คะริบรัมย์ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179 ม.7 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ ถูกก้อนหินใหญ่ทับร่างถึง 2 ก้อน ในสภาพนอนหงาย มือขวาโผล่เหนือน้ำ สภาพศพสวมเสื้อยืดสีดำ ใส่กางเกงขาสั้นสีดำ เจ้าหน้าที่นำร่างขึ้นมาจากน้ำเพื่อให้แพทย์เวรตรวจสอบเบื้องต้นพบบริเวณศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ จึงสันนิฐานว่า ถูกของแข็งตีที่ศีรษะ และเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ชม. เนื่องจากกล้ามเนื้อเกร็งแข็ง เนื้อตัวซีดจากการจมอยู่ในน้ำ

สอบถาม นายกรันต์ ปรีดาศักดิ์ อายุ 43 ปี หลานผู้ตายเล่าว่า ช่วงเช้าวันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา ผู้ตายได้มาชวนตนมาหางมหอยบริเวณคลองใกล้หมู่บ้าน แต่ตนได้ปฏิเสธ ผู้ตายจึงเดินทางมากคนเดียวก่อนหายตัวไป จนถึงเวลา 23.00 น. วานนี้ ญาติได้ออกตามหา และมีชาวบ้านแจ้งว่า เห็นรถจักรยานของนายโกสมจอดทิ้งไว้ แต่ไม่เห็นคน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างจรรยาธรรมช่วยตามหาบริเวณดังกล่าวกว่า 2 ชม. แต่ก็ไม่พบตัว จนเจ้าหน้าที่เกือบถอนกำลัง แต่สุดท้ายหน่วยกู้ภัยเห็นมือโผล่ขึ้นเหนือน้ำ จึงเข้าไปตรวจสอบ พบนายกรันต์ กลายเป็นศพในลักษณะถูกก้อนหินทับไว้ใต้น้ำลึกประมาณ 80 ซม.

จากนั้นตำรวจจึงได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเพียงนายก้าวหน้า อำภาศิลป์ อายุ 36 ปี อาชีพเก็บของเก่าขาย และอาศัยอยู่ใต้สะพานที่เกิดเหตุ โดยตอนแรกตำรวจไม่ได้สงสัยนายก้าวหน้า เพราะไม่ได้หลบหนีไปไหน ยังนอนอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ แต่จากการตรวจสภาพทั่วไปแล้ว บริเวณดังกล่าวไม่ใช่สถานที่ที่มีคนผ่านไปมามาก

แต่เมื่อเค้นสอบ นายก้าวหน้ารับสารภาพว่า เป็นคนก่อเหตุฆ่านายโกสม เนื่องจากผู้ตายมาหาหอย มีอาการเมามาก่อกวน รวมถึงตะคอกใส่จึงโมโห เกิดการต่อสู้กัน ตนได้ใช้ไม้ฟาดตรงศีรษะ จากนั้นจับกดน้ำจนเสียชีวิต ก่อนจะใช้ก้อนหินทับร่างซ้ำให้จมน้ำ ส่วนสาเหตุที่ไม่หลบหนีไปไหน เพราะต้องการอำพรางคดีให้ตำรวจตายใจ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ให้ทางกู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลบุรีรัมย์ เพื่อชันสูตร หาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง ส่วนผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวไปสถานีตำรวจเพื่อสอบสวน อย่างละเอียดต่อไป

ขณะที่ในเวลาต่อมาทางครอบครัวของนายโกสม ได้นำร่างผู้เสียชีวิตมาประกอบพิธีทางศาสนา โดยนางบัวบูชา คะริบรัมย์ อายุ 40 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า สามีไม่เคยมีศัตรู ไม่เคยไปทำร้ายใครก่อน แต่จะเป็นคนพูดจาเสียงดัง โดยเฉพาะเวลาเมา มีความเป็นไปได้ ที่จะพูดเสียงดังใส่ผู้ก่อเหตุ แล้วเกิดทะเลาะ  วิวาทกัน จนสามีเสียชีวิตดังกล่าว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือว่าเร็วเกินไปและยังไม่รู้จะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรกับลูกชายอีก 1 คน เพราะสามีเป็นเสาหลัก

ด้านนางอมรรัตน์ คะริบรัมย์ อายุ 49 ปี พี่สะใภ้ผู้เสียชีวิต และเป็นรองนายกเทศมนตรีตำบลอิสาณ กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุมีประวัติเป็นผู้ป่วยจิตรเวช อยู่ในเทศบาลตำบลอิสาณมาประมาณ 2 ปี ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นของมนุษย์ (พมจ.) บุรีรัมย์ เคยเข้าไปดูแลแล้ว แต่นายก้าวหน้า ไม่ยอมกลับบ้านต้องการเร่ร่อนไปเรื่อย ๆ

ตอนนี้ถือว่าญาติผู้สูญเสีย ไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหน เพราะผู้ก่อเหตุเป็นผู้ป่วยจิตรเวช ในทางคดีอาจจะไม่สามารถดำเนินการต่อได้ แต่ผู้ก่อเหตุมีญาติที่พอมีฐานะ จึงอยากจะให้มารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อยากเห็นลูกเมียผู้เสียชีวิตต้องเคว้งคว้างอยู่ตามลำพังโดยไม่มีใครมาเหลียวแล