ร้องสภาฯ สอบปม"เรือหลวงสุโขทัย"อับปาง "ชลน่าน" จี้บิ๊กตู่ลาออก "รมว.กห."

21 ธันวาคม 2565  "นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายไชยา พรหมา ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ รับหนังสือจาก"นายไทกร พลสุวรรณ" ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ เพื่อขอให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณของกองทัพเรือในส่วนงบประมาณปรับปรุงรักษาอาวุธ ยุทโรปกรณ์ โดยเฉพาะกรณี"เรือหลวงสุโขทัย"อับปาง 

โดย "นายไทกร" กล่าวว่า กรณีเรือหลวงสุโขทัยอัปบปาง บริเวณอ่าวไทย จากเหตุเบื้องต้นที่กองทัพเรือระบุว่า เรือหลวงสุโขทัย ประสบเหตุเรือมีอาการเอียง เนื่องจากคลื่นลมแรง มีน้ำทะเลทะลักเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าทำให้ไฟฟ้าดับเครื่องจักรใหญ่หยุดทำงาน ควบคุมเรือไม่ได้และน้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนเรือเอียง และอับปาง

ทั้งนี้ "เรือหลวงสุโขทัย" เป็นเรือรบที่สามารถดำเนินได้ทั้งอากาศ ผิวน้ำ ใต้ทะเล มีอายยุการใช้งาน 36 ปี หากได้รับการรักษาก็สามารถใช้งานและปฎิบัติภารกิจได้สมบูรณ์ ดังนั้นอยากให้กมธ. มีการตรวจสอบ 3 ข้อ คือ

1. การซ่อมบำรุงเรือหลวงสุโขทัย มีการใช้งบประมาณในการซ่อมบำรุงให้เรือหลวงสุโขทัยใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่อย่างไร เพราะอดีตผู้บัญชาการทหารเรือ เคยกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า เรือและอากาศยานของกองทัพเรือจำนวนมาก ไม่ได้รับการซ่อมบำรุงตามวงรอบจนส่งผลต่อความพร้อมในการปฎิบัติภารกิจ

2. การ ใช้งบประมาณจัดซื้ออุปกรณ์รักษาความปลอดภัยประจำเรือ ได้ใช้งบประมาณจัดซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวเพียงพอกับลูกเรือทุกคนหรือไม่ เพราะทหารลูกเรือที่รอดชีวิต ได้ยืนยันว่าเสื้อชูชีพมีไม่ครบทุกคน

และ 3. การใช้งบประมาณในการซ่อมบำรุงอาวุธยุทปกรณ์ ในภาพรวมของกองทัพเรือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เพราะไม่ต้องการให้เกิดกรณีเช่นนี้ซ้ำอีก

“ ผมอยากฝากข้อสังเกตในการตรวจสอบ คือ ในเรื่องของเสื้อชูชีพ เป็นนมาตรฐานสำคัญที่กองทัพเรือต้องปฎิบัติตามข้อกำหนดความปลอดภัย ตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยในทะเล คนที่ลงไปในเรือต้องมีเสื้อชูชีพครบ และปริมาณเพียงพอและมากกว่า ในกรณีเรือหลวงสุโขทัยมีนายทนายเพิ่มเข้าไป 30 นาย คนมีหน้าที่ตรวจว่าทหารที่ต้องลงเรือและมีเสื้อชูชีพคือ นายทหารประจำที่ท่าเรือสัตหีบ จึงถือเป็นความบกพร่องร้ายแรงที่กองทัพเรือที่ปล่อยให้กำลังพลที่ไม่มีเสื้อชูชีพลงเรือหลวงสุโขทัย อีกประเด็นการซ่อมบำรุง ข้อสังเกตเรือหลวงอับปาง เพราะน้ำเข้าไปในเรือจนทำให้เครื่องยนต์ดับ จากข้อมูลเชิงลึกเรือหลวงสุโขทัยมีเครื่องทำไฟ 6 เครื่อง แบ่งการใช้เป็น3 เครื่อง พัก 3 เครื่อง คนกำหนดว่าใช้เครื่องยนต์คือต้นกลเรือ จึงเกิดคำถามว่าการยกเรือขึ้นเพื่อซ่อมบำรุงเมื่อไม่นานมานี้ มีการดำเนินการครบถ้วนหรือ มีการเบิกค่าบำรุงแต่อาจจะไม่มีการซ่อมบำรุงเรือดังกล่าวเลย" นายไทกร กล่าว 

ด้าน "นพ.ชลน่าน" กล่าวว่า การแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย แสดงความเสียใจกับกองทัพไทยแสดงความเสียใจกับประชาชนคนไทยคงไม่พอ เราถอดบทเรียนกันมาตลอดและครั้งนี้มีการเรียกร้องให้ถอดบทเรียนเหตุการณ์เช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ด้วยสมรรถนะของคำว่าเรือรบที่รบได้ 3 มิติ มีความพร้อมทุกอย่างไม่ควรจะเกิดเหตุการณ์นี้ แพ้โดยที่ยังไม่ได้รบ แพ้ตนเอง แพ้การตัดสินใจ แพ้การใช้ดุลยพินิจ เรือเริ่มมีน้ำเข้าตั้งแต่ช่วง 17.00 น. และอับปางช่วงเวลา 23.00 น. ช่วงเวลา 5- 6 ชั่วโมง ไม่ควรมีคำว่ากำลังพลสูญหายไป 23 ราย 

"ดังนั้นเรื่องนี้จะต้องมีคนรับผิดชอบ ผมในฐานะผู้นำฝ่ายค้านเอง จะมีการนำเรื่องนี้เข้าตรวจสอบของสภาฯ เพื่อเรียกร้องให้ โดยพรุ่งนี้ (22 ธ.ค.) เรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับผิดชอบ และมาตอบกระทู้ถามสดในสภาฯ เนื่องจากเรื่องนี้ประชาชนให้ความสนใจและเป็นเรื่องด่วน ซึ่งกระทบต่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างมหาศาล"

นอกจากนี้ แม้ไม่ถามกระทู้สดในสภา ในฐานะฝ่ายตรวจสอบการบริหารแผ่นดิน "พลเอกประยุทธ์" ต้องสำนึก มีต้องละอายเกรงกลัวต่อบาป สำนึกต่อหน้าที่ที่รับผิดชอบ เรียกร้องให้ลาออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะปล่อยประละเลย รัฐมนตรีประเทศอื่นหากมีกรณีรถไฟคว่ำขบวนเดียวเขาก็ลาออกจากรัฐมนตรีคมนาคม เพื่อแสดงความรับผิดชอบ มาถึงวันนี้"พลเอกประยุทธ์" ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังไม่มีการประกาศอะไรออกมาซึ่งเรื่องนี้ปล่อยไม่ได้

รวมถึงการติดตามตรวจสอบการเงินที่ใช้ในการดำเนินการดูแล เครื่องยนต์ที่มำงานไม่มีประสิทธิภาพเป็นเครื่องใหญ่ ขึ้นเรือเป็นร้อยคนแต่เสื้อชูชีพไม่พอเป็นไปได้อย่างไร นี่หรือวิธีคิดของกองทัพไทยที่จะมีการจัดซื้อเรือดำน้ำอีก 3 ลำรวมถึงยุทโธปกรณ์อีกมากมาย สู้กับตัวเองไม่ชนะแล้วจะไปสู้กับใคร นี่คือความไม่ไว้วางใจของประชาชนต่อกองทัพไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซึ่งตนจะรับเรื่องนี้ไปตรวจสอบให้เข้มข้นต่อไป