เปิดทรัพย์สิน "นิพนธ์ บุญญามณี" พ้น รมช.มหาดไทย ร่ำรวย 123 ล้าน

23 พฤศจิกายน 2565 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผย บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง รายของ นายนิพนธ์ บุญญามณี กรณีพ้นจากตำแหน่ง รมช.มหาดไทย เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2565 โดยมีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 123,712,522.67 บาท หนี้สิน 78,409.45 บาท

ก่อนหน้านี้ นายนิพนธ์ ลาออกจาก รมช.มหาดไทย ช่วงที่ ป.ป.ช. นำตัวส่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทาง 50 ล้านบาท เมื่อครั้งเป็นนายก อบจ.สงขลา

นายนิพนธ์ บุญญามณี อายุ 64 ปี แจ้งมีทรัพย์สิน 54,731,027.18 บาท จากเงินฝาก 16 บัญชี 1,566,540.21 บาท เงินลงทุน 3,485,107.76 บาท ที่ดิน 7 แปลงใน จ.สงขลา 17,320,650 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3 รายการ 32,000,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 103,729.21 บาท ทรัพย์สินอื่น เป็นเครื่องประดับ 1 รายการ ปืน (ใบอนุญาต) 1 รายการ 265,000 บาท

นางกัลยา บุญญามณี อายุ 61 ปี ภรรยา เป็นข้าราชการบำนาญ เทศบาลนครสงขลา แจ้งมีทรัพย์สิน 68,981,495.49 บาท จากเงินฝาก 6 บัญชี 5,387,910.01 บาท เงินลงทุน 3,333,688.72 บาท ที่ดิน 21 แปลอยู่ใน จ.สงขลา 40,490,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3 รายการ 15,441,375 บาท ยานพาหนะ เป็นรถยนต์ 2 คัน 510,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 2,568,521.76 บาท ทรัพย์สินอื่น เป็นเครื่องประดับ 1 รายการ 1,250,000 บาท มีหนี้สิน 78,409.45 บาท

นายนิพนธ์ แจ้งมีรายได้ต่อปี 1,819,520 บาท จาก เงินเดือน ค่าจ้าง บำนาญ 1,362,720 บาท เบี้ยประชุม 256,800 บาท ค่าเช่า 200,000 บาท แจ้งมีรายจ่าย 900,000 บาท จากค่าใช้จ่ายส่วนตัวอุปโภค-บริโภค 700,000 บาท เพื่อการกุศลและการสังคม 200,000 บาท 
นางกัลยา แจ้งมีรายได้ต่อปี 1,714,220.39 บาท  จาก เงินเดือน ค่าจ้าง บำนาญ 1,114,220.39 บาท ค่าเช่า 500,000 บาท ดอกเบี้ย 100,000 บาท แจ้งมีรายจ่าย 800,000 บาท จากค่าใช้จ่ายส่วนตัวอุปโภค-บริโภค

ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างปี 2556-2562 “นายนิพนธ์” เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ต่อมาภายหลังการเลือกตั้งปี 2562 ได้รับการแต่งตั้งเป็น รมช.มหาดไทย ก่อนที่จะยื่นหนังสือออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2565 หลังจาก ป.ป.ช. นำตัวส่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทาง 50 ล้านบาท เมื่อครั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา

นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้โพสต์เฟชบุ๊กส่วนตัวขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยระบุว่า  

...

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมได้อธิบายมาโดยตลอดทั้งข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายถึงสาเหตุที่ผมไม่สามารถอนุมัติจ่ายเงินให้แก่ผู้ชนะการประมูลในการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางฯ ของ อบจ.สงขลา ได้ เนื่องจากตรวจพบว่าผู้เข้าร่วมการประมูลและบริษัทคู่เทียบ ได้ทำการปลอมเอกสารและฮั้วประมูล เป็นเหตุให้ อบจ.สงขลา ได้รับความเสียหาย

บัดนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ก็ได้ออกหมายจับผู้เข้าร่วมประมูลทุกรายซึ่งรวมถึงผู้ชนะการประมูลและบริษัทในเครือ อีกทั้งผู้ต้องหาส่วนใหญ่ก็ได้เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศเกือบทั้งหมดแล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ขณะหลบหนี นั้น อัยการได้ส่งฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 แล้ว

วันนี้ผมพร้อมที่จะสู้คดีในศาลเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าการที่ผมไม่อนุมัติจ่ายเงินให้บริษัทที่ชนะการประมูลนั้น เป็นการรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน มิใช่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวหาผมแต่อย่างใด และหากแม้จะย้อนเวลากลับไปได้ ผมก็ยังยืนยันที่จะไม่อนุมัติจ่ายเงินภาษีของประชาชนให้กับพวกทำผิดกฎหมายเช่นเดิม

บัดนี้ คดีได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลยุติธรรมแล้ว ผมไม่มีความประสงค์จะใช้ตำแหน่งรัฐมนตรี และเวลาราชการเพื่อต่อสู้คดีแต่อย่างใด ดังนั้นผมจึงได้ทำหนังสือกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรีขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2565 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายนิพนธ์ บุญญามณี เดินทางมาพร้อมกับนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ และนายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะทนายความ โดยเดินทางมายังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ภายหลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด และยื่นคำฟ้อง กรณีละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) ให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด เป็นจำนวนเงินกว่า 50 ล้านบาท 

โดยระบุว่า เมื่อช่วงเช้าได้แจ้งไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และท่านได้ให้กำลังใจแต่ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ ซึ่งผลการลาออกก็มีผลวันนี้โดยทันที

เมื่อถามว่าเหตุใดจึงลาออก นายนิพนธ์ ระบุว่า ตนไม่ต้องการที่จะใช้ตำแหน่งทางการเมืองไปกดดันการทำงานของศาล ยืนยันไม่มีบุคคลใดมากดดันให้ลาออกแต่อย่างใด ซึ่งการลาออกจากตำแหน่งในครั้งนี้ก็ไม่เกี่ยวเนื่องกับการเลือกตั้งในครั้งหน้า เช่นเดียวกับการปรับคณะรัฐมนตรีในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นการหารือภายในกรรมการบริหารพรรค อีกทั้งยังไม่เกี่ยวโยงกับคำตัดสินของศาลว่าจะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งตนก็ตัดสินใจดีแล้ว ยืนยันว่าไม่เสียดาย ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็จะตัดสินใจตามเดิม พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม