2 พ.ย. 65 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ ( 2 พ.ย.65 ) มีวาระการพิจารณาของที่ประชุมเรื่องสำคัญที่ทางการเมืองจับตามองอย่างยิ่ง นั่นคือ การลงมติ "ร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต ( ฉบับที่ ) พ.ศ. หรือ ร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ตามที่ ส.ส.พรรคก้าวไกลได้เสนอไว้ โดยก่อนเข้าสู่วาระการพิจารณา มีบรรยากาศความเคลื่อนไหวอย่างน่าสนใจ เพราะก่อนหน้านี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งมี"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
ได้มีมติเห็นชอบ ร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา 2565 ซึ่งเป็นการคลายล็อค ลดเงื่อนไขการผลิตสุรา เปิดให้ กลุ่มองค์กรได้ยื่นขอใบอนุญาตในการผลิตสุราพื้นบ้านได้อย่างกว้างขวางขึ้น โดยต่อมาได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาในวันเดียวกัน โดยมีผลประกาศใช้ในวันที่ 2 พ.ย. ซึ่งเป็นวันเดียวกับ ที่วาระการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ของพรรคก้าวหน้า เข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ
โดยช่วงเช้า "พรรคก้าวไกล" แถลงข่าว รับหนังสือจากประชาชนเบียร์ สมาคมคราฟท์เบียร์ สมาคมสุราชุมชนไทย พร้อมกับยืนยัน พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า คือกฎหมายทลายทุนผูกขาดเปิดกว้างมากกว่าการแก้กฎกระทรวง
หลังจากนั้น เพจพรรคก้าวไกล ได้นำเสนอ ข้อเปรียบเทียบ ระหว่าง กฎกระทรวงการผลิตสุรา 2565 ของรัฐบาล กับ ร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้าของพรรคก้าวไกล
โดยระบุว่า กฎกระทรวงการผลิตสุรา 2565 ที่รัฐบาลเพิ่งออกมาไม่ใช่การ "ปลดล็อก" ธุรกิจสุรา แต่คือการ "เปลี่ยนล็อก" ให้ดูเหมือนลดข้อจำกัด แต่ในความเป็นจริงยังมีอุปสรรคที่เรามองไม่เห็น เช่น
- การต้องขอใบอนุญาต
- การจำกัดรูปแบบวิธีการผลิต
- การกำหนดให้ต้องทำ EIA ซึ่งต้นทุนสูงนับล้านบาท
- การผลิตสุราชนิดพิเศษไม่ว่าจะเป็น วิสกี้ ยิน บรั่นดี เหล้าขาว ยังคงมีเกณฑ์กำลังการผลิตขั้นต่ำวันละนับหมื่นลิตร ที่กีดกันผู้ผลิตรายย่อยเช่นเดิม
กฎกระทรวงใหม่ฉบับนี้จึงไม่ใช่การนำธุรกิจสุราให้ออกจากมือนายทุน แต่เป็นแค่การตบตาให้ดูเหมือนว่าปลดล็อกให้
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์"สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปราย"ร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต ( ฉบับที่ ) พ.ศ." … หรือ "พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า" ในมาตราที่ 3 ว่าการประชุมของสภาเพื่อพิจารณากฎหมายในวันนี้เป็นการประชุมเพื่อพิจารณากฎหมายเพื่อนำสภาพข้อเท็จจริงและศักยภาพของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสุรามาเทียบกับ ร่างกฏหมาย และกฎกระทรวงว่าสิ่งใดที่เหมาะสมกับประเทศและศักยภาพของประเทศไม่ว่าจะยิน ( Gin ) หรือ รัม ( Rum ) ที่จังหวัดเชียงใหม่ หนองคาย สงขลา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ล้วนเป็นผู้ประกอบการระดับโลกที่ชนะการประกวดไม่ว่าจากที่กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น
หากแบรนด์ไทยที่ไปชนะการประกวดที่ระดับโลกใช้กฎกระทรวงเข้ามาควบคุมจะไม่ได้รับการปลดล็อค เนื่องจากกฎกระทรวงคือการเปลี่ยนล็อคจากล็อคเก่าเป็นล็อกใหม่ แต่สำหรับร่างกฎหมายฉบับนี้จะเป็นการปลดล็อคโดยแท้จริง เนื่องจาก เมื่ออุตสาหกรรมไทยสามารถก้าวสู่ระดับโลกแล้วกลับควบคุมโดยกฎกระทรวงที่มีวิธีคิดจากราชการ หรือสรรพสามิตเพียงอย่างเดียวไม่สามารถปลดปล่อยศักยภาพของพี่น้องประชาชน อุตสาหกรรมไทย และ วัตถุดิบไม่ว่าจะเป็นข้าว,มันสำปะหลัง,อ้อย หรือ ข้าวโพดได้ สำหรับนโยบายสุราก้าวหน้าไม่ใช่นโยบายเพียงเพื่อการผลิตแต่เป็นนโยบายเพื่อเศรษฐกิจ การเกษตร และการท่องเที่ยวด้วย
ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติที่แก้ไขโดยคณะกรรมาธิการ ซึ่งการที่จะปลดปล่อยศักยภาพได้รัฐต้องเล็ก รัฐจะใหญ่ไม่ได้ซึ่งจะทำให้ศักยภาพไปต่อไม่ได้ เช่น เปลี่ยนเรื่องการจดแจ้งของคณะกรรมาธิการไปเป็นการอนุญาต ตามกฎกระทรวงก็ถือเป็นเรื่องที่ยากแล้ว
"ผมคงไม่มีโอกาสที่จะได้อภิปรายร่างนี้ไปจนถึงวาระที่สามได้ สำหรับทุกคนที่อยู่ในที่นี้การโหวต 1 ครั้ง พันครั้ง หรือบางคนเป็นหมื่นครั้ง ไม่ได้มีความหมายมากมายขนาดนั้นแต่สำหรับผู้ประกอบการ เกษตรกรและคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในวงการ นี่คือความฝัน พอโหวตเสร็จก็คงกลับไปกินไวน์ฝรั่งเศส สาเกญี่ปุ่น โซจูเกาหลี ปลายปีนี้ก็อาจจะเตรียมตัวเดินทางปีใหม่ ไปเที่ยวไร่องุ่นไวน์ที่อเมริกา หรือไปกินเตกิล่า หรือเหล้าข้าวโพดที่แม็กซิโก แต่สำหรับเกษตรกร คนรุ่นใหม่ที่เป็นผู้ประกอบการ คนที่อยู่ในวงการสุราขนาดย่อย นี่คือความฝันของพวกเขา สำหรับเกษตรกร ผู้ประกอบการที่สู้กันมาเป็น 30-40 ปี ตั้งแต่เครือข่ายเหล่าไทยสมัยที่ตนยังเด็กจนถึงทุกวันนี้ นี่เป็นโค้งสุดท้ายของเขาที่จะทำให้เขามีความฝันอยู่ในประเทศนี้" นายพิธา กล่าว