svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"อุตตม"แนะรัฐลดภาษีหนังสือเพื่อกระตุ้นคนให้รักการอ่านนำความรู้ไปต่อยอด

22 ตุลาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"อุตตม สาวนายน"กระตุ้นรัฐบาลรณรงค์คนไทยให้รักการอ่าน เช่นเดียวกัยงสิงคโปร์ เพื่อการพัฒนาประเทศ แนะภาครัฐะกำหนดนโยบายเข้าไปสนับสนุนมาตรการภาษีให้กับหนังสือบางประเภท ในการเข้าถึงของปชช. หลังราคาเป็นอุปสรรค

22 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "ดร.อุตตม สาวนายน" หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาระบุว่า

 

ผมมีโอกาสไปเดินชมงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 27 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ รู้สึกตื่นเต้นและยินดีที่เห็นผู้คนมากมาย ทั้งเด็กเล็กๆไปจนถึงผู้อาวุโสพากันเดินเลือกอ่านเลือกซื้อหนังสือ ตามข่าวผู้จัดงานเขาคาดว่าปีนี้น่าจะมีคนเข้าชมงานมากกว่า 1 ล้านคนทีเดียว นั่นแสดงว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ ยังนิยมเสพการอ่านในรูปแบบหนังสือเป็นเล่มๆ แม้ว่าปัจจุบันการอ่านในรูปแบบดิจิทัลจะเข้าถึงได้ง่ายกว่าก็ตาม 

 

"อุตตม"แนะรัฐลดภาษีหนังสือเพื่อกระตุ้นคนให้รักการอ่านนำความรู้ไปต่อยอด

 

ผมคิดว่าการอ่านรูปแบบหนังสือเล่มหรือหน้ากระดาษ มีเสน่ห์กว่าการอ่านแบบดิจิทัล เพราะการค่อยๆอ่านทีละบรรทัด เปิดไปทีละหน้า สมองของเราจะค่อยๆซึมซับและขบคิดไปตามข้อความที่อ่าน ประสบการณ์แบบนี้ไม่มีในสื่อดิจิทัล ซึ่งเรื่องนี้มีผลวิจัยทั่วโลกระบุว่า การอ่านรูปแบบหนังสือ ทำให้คนเพลิดเพลินและมีสมาธิจดจำในเชิงประสบการณ์ได้มากกว่า ด้วยเหตุนี้ผมจึงมีความเชื่อว่าหนังสือเล่มจะยังคงอยู่ต่อไป ไม่ว่าสื่อดิจิทัลจะขยายตัวไปอย่างไรก็ตาม 

เป็นที่น่าสังเกตครับว่า ประเทศที่มีคนอ่านหนังสือมากจะมีผลโดยตรงต่อขีดความสามารถของประเทศ อย่างประเทศสิงคโปร์มีวิจัยว่าคนอ่านหนังสือเฉลี่ยมากกว่า 50 เล่มต่อคนต่อปี ขณะที่ประเทศไทยมีการอ่านเฉลี่ยราว 10 เล่มต่อคนต่อปีเท่านั้น

 

"อุตตม"แนะรัฐลดภาษีหนังสือเพื่อกระตุ้นคนให้รักการอ่านนำความรู้ไปต่อยอด

 

สิงคโปร์เขาให้ความสำคัญกับการอ่านหนังสือมาก โดยส่งเสริมให้รักการอ่านตั้งแต่เด็กแรกเกิดกันเลยทีเดียว เขามีแคมเปญกระตุ้นให้พ่อแม่เล่านิทานจากหนังสือให้ลูกฟัง เพื่อปลูกฝังให้เด็กรักการอ่าน ให้เกิดการเรียนรู้และการอ่านตลอดชีวิต พร้อมทั้งมีงบประมาณให้ทำกิจกรรมต่อเนื่องอื่นๆมากมายมาประกอบ เช่น จัดประกวดแข่งขันการอ่านหนังสือระดับประเทศ การทุ่มเทงบประมาณป้อนหนังสือดีๆให้กับห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดชุมชน แล้วบริหารให้ห้องสมุดร่วมเป็นเครือข่ายจัดกิจกรรมกระตุ้นให้เกิดการอ่านตั้งแต่ระดับชุมชน ไปถึงระดับประเทศ เป็นต้น 
 

เป็นที่น่ายินดีที่งานมหกรรมหนังสือของไทยมีคนสนใจมากมายอย่างที่เห็น แต่เมื่อมองในรายละเอียดแล้ว น่าจะมีการกระจายโอกาสให้คนไทยทั่วประเทศเข้าถึงหนังสือมากขึ้นไปอีก ซึ่งแนวทางของสิงคโปร์น่าสนใจมาก ขณะเดียวกันผมคิดว่า อีกด้านหนึ่งควรมีการสนับสนุนตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรมหนังสือ ตั้งแต่การส่งเสริมให้เกิดงานเขียนของคนไทยที่มีคุณภาพออกมามากๆ การสนับสนุนสำนักพิมพ์ ทั้งหนังสือทางวิชาการ เชิงวรรณกรรม เชิงความคิด เชิงวัฒนธรรม ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นรากเหง้าเป็นฐานความรู้ของไทย ที่เยาวชนคนรุ่นใหม่ควรเรียนรู้เพื่อนำไปต่อยอด 

 

ส่วนเรื่องที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาตลอดว่า ราคาหนังสือในประเทศไทยแพงเกินไป เป็นอุปสรรคในการเข้าถึงหนังสือของคนไทยหรือไม่ ส่วนตัวแล้วคิดว่าราคาหนังสือขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งราคาลิขสิทธิ์ที่แตกต่างกันไป ต้นทุนการตีพิมพ์ที่ขึ้นกับจำนวนและคุณภาพ ซึ่งเป็นมุมการบริหารเชิงธุรกิจ แต่ภาครัฐก็น่าจะกำหนดนโยบายเข้าไปสนับสนุนด้วยมาตรการภาษีให้กับหนังสือบางประเภท ที่เห็นว่ามีประโยชน์เหมาะต่อการส่งเสริมการอ่าน ก็จะช่วยให้ราคาลดลงและคนไทยเข้าถึงได้มากขึ้น 

 

การส่งเสริมการอ่านตั้งแต่เด็ก เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต คือพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ดังนั้นประเทศไทยควรที่จะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง ผมคิดว่าดูจากปริมาณคนที่เดินในงานมหกรรมหนังสือนับล้านคน แสดงว่าคนไทยก็รักการอ่านไม่แพ้ชาติอื่น เพียงแต่เราต้องสร้างโอกาสให้คนทั่วประเทศเข้าถึงหนังสือให้ได้มากยิ่งขึ้น  

 

logoline