svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

กลยุทธ์"บิ๊กป้อม"สไตล์"น้าชาติ"สู่"ชราธิปไตย"ไทยแลนด์

21 กันยายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

การลุกขึ้นมาปฏิวัติสไตล์การแต่งตัวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ รวมถึงบุคลิกภาพใหม่ ที่มีความกระฉับกระเฉง สวนทางจากภาพที่เคยกันก่อนหน้านี้

โดยในมุมมองของ "ผศ.ดร.ชยุต ภาวภานันท์กุล" นักวิชาการด้านสื่อสารการเมืองและการปกครอง มองว่า คล้ายคลึงกันกับกลยุทธ์ที่ "พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ" อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย เคยใช้สมัยดำรงตำแหน่งช่วงปี 2531-2534 ที่เปลี่ยน "สนามรบให้เป็นสนามการค้า" 

 

รศ.ดร.ชยุต ภาวภานันท์กุล นักวิชาการด้านสื่อสารการเมืองและการปกครอง

 

 

ทั้งนี้ แต่ "บิ๊กป้อม" กำลังเปลี่ยนสนามรบ หรือความขัดแย้ง เป็น "สนามรัก" 

 

ประเด็นแรก ความคล้ายกับ พล.อ.ชาติชาย หรือ "น้าชาติ" 

 

-พล.อ.ชาติชาย มักจะเป็นคนที่ส่งสารให้สื่อตลอดเวลา ทั้งในเรื่องของการแต่งกาย ใส่ยีนส์ สวมเสื้อลายสก๊อต คาบซิการ์ หรือมีคำพูดที่ติดปากว่า "No Problem" หรือ ไม่มีปัญหา 

 

-การสะท้อนผ่านบุคลิกใหม่นี้ เรียกได้ว่าเป็น มิสเตอร์ nice guy เช่น ที่ใช้คำพูด "ใจบันดาลแรง" มองว่าใจเกินร้อย เป็นการเปลี่ยนบุคลิกจาก Nobody เป็น Somebody โดยกำหนดให้สื่อมวลชนตามจากการสร้างกิจกรรมต่างๆ หรือภาพลักษณ์ใหม่ๆ  

ประเด็นที่ 2 กลยุทธ์ของ "บิ๊กป้อม" 

 

-เรียกว่า "กลเกมย้อนนิยม" เป็นเกมของคนมีอายุ โดย "บิ๊กป้อม" พยายามส่งสารว่า ประชาธิปไตยของเราเคยทดลองใช้คนใกล้หนุ่ม หรือใกล้แก่มาแล้ว ส่วน พล.อ.ประวิตร คือ "คนชรา" มาเสนอตัวให้สังคมทดลองใช้บ้าง 

 

 

-การใช้ "คนชรา" บริหารประเทศ เรียกว่า การปกครองโดยกลุ่มชนผู้สูงอายุ หรือที่เรียกว่า "ชราธิปไตย" ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Gerontocracy มีมาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ ปัจจุบันก็ยังมี อย่างหลายๆ ประเทศในโลก ก็ปกครองโดยคนสูงอายุ ปกครองด้วยคนอายุเลข 7 เช่น "โจ ไบเดน" 

 

-"คนชรา" มีจุดเด่นเรื่องประสบการณ์และวุฒิภาวะ มีความสุขุมนุ่มลึก ไม่ทำตัวเหมือนลับๆ ล่อๆ เหมือนคนหนุ่ม เช่น ประกาศจะแฉเรื่องโน้น เรื่องนี้ แต่ไปแอบทำในโซเชียลฯ ซึ่ง "บิ๊กป้อม" ไม่ทำ แต่จะพูดตรงๆ ถ้าไม่พูด ก็คือหนีไปเลย ไม่พูด ไม่ตอบ 

-กลยุทธ์นี้ ถูกเสริมโดย "เปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามรัก" ทำให้ประชาชนกลุ่มต่อต้าน เกลียด 3ป.น้อยลง อย่างน้อยก็ตัว "บิ๊กป้อม" โดยแยกความไม่ชอบ 3ป. ของประชาชนออกไป ให้เหลือ 1 ป. หรือ 2ป. คือ อาจจะไม่ชอบ 3ป. แต่ชอบ "บิ๊กป้อม" มากขึ้น 

 

-นอกจากนั้น "บิ๊กป้อม” ยังเดินเกม 3 ร. และส่งสาร "3 ร." คือ

 

รอบรู้ = รอบรู้ในทุกข์สุขของประชาชน ด้วยการลงพื้นที่จริง สัมผัสประชาชนใกล้ชิด 

 

รวดเร็ว = เมื่อลงไปแล้วก็แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างรวดเร็ว หรือแม้ไม่ได้ลงไป ก็สั่งการเร็ว เช่น ยกหูคุยกับ "ชัชชาติ" ผู้ว่าฯ กทม. 

 

ริเริ่ม = ริเริ่มระบบศรัทธาในตัวพล.อ.ประวิตร ด้วยการเปลี่ยนบุคลิกภาพใหม่ 

 

สำหรับความท้าทายของ "บิ๊กป้อม" ซึ่งแต่เดิมเป็นผู้นำตามพินัยกรรม เป็นต้องรอรับมรดกตกทอดจาก พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนเป็น "ตัวสำรอง" แต่วันนี้ กำลังทำให้เห็นว่าเป็นตัวจริงได้หรือไม่ ซึ่งการจะประสบความสำเร็จได้ ก็อยู่ที่กลยุทธ์ 3 ร. จะได้ผลแค่ไหนนั่นเอง 

 

logoline