svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

หลายประเทศอาจเดือดร้อนหลัง "สหรัฐฯ" โจมตี "อิหร่าน"

หลังสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน อิสราเอลก็ซ้ำเติมด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีสิ่งปลูกสร้างทางทหารของอิหร่าน ท่ามกลางความวิตกว่า "อิหร่าน" อาจล้างแค้นด้วยการโจมตีที่มั่นทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาค

23 มิถุนายน 2568 พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ และ พลอากาศเอกแดน "เรซิน" เคน ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม ได้สรุปแผนโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่าน ภายใต้รหัส "ปฏิบัติการค้อนเที่ยงคืน" (Operation Midnight Hammer) ว่าใช้เครื่องบินสเตลธ์ บี-ทู สปิริต (B-2 Spirit stealth bombers) ของกองทัพอากาศ ทิ้งระเบิดบัสเตอร์ บังเกอร์ (bunker buster) หรือ "ระเบิดเจาะบังเกอร์ขนาดใหญ่" ที่ภาษาทหารเรียกว่า MOP  (Massive Ordnance Penetrator) หนัก 30,000 ปอนด์ จำนวน 14 ลูก ถล่มโรงงานเสริมสมรรถยูเรเนียม ที่เชื่อว่าใช้ทำระเบิดนิวเคลียร์ ที่นาทานซ์ และฟอร์โดว์ โดยนับเป็นปฏิบัติการทางทหารที่ใช้ MOP เป็นครั้งแรก ส่วนจำนวนเครื่องบินที่ใช้ปฏิบัติการ มีทั้งสิ้น 125 ลำ รวมทั้ง บีทู 

หลายประเทศอาจเดือดร้อนหลัง "สหรัฐฯ" โจมตี "อิหร่าน"

 

ส่วนโรงงานแห่งที่ 3 คือ อีสฟาฮาน ถูกโจมตีด้วยระบบ "TLAM" หรือ ขีปนาวุธร่อนโจมตีภาคพื้นดินพิสัยไกล (Tomahawk Land Attack Missile) ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "โทมาฮอว์ค" จำนวนมากกว่า 2 โหล ที่ยิงจากเรือดำน้ำลำเดียว ที่อยู่ที่ไหนสักแห่งในภูมิภาคตะวันออกกลาง แม้จะไม่เปิดเผยชื่อ แต่ก็พบว่า มีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ "ชั้นโอไฮโอ" (Ohio class) หรือ SSGN จำนวน 4 ลำ ของกองทัพเรือสหรัฐฯ เท่านั้น ที่ติดตั้งและยิงขีปนาวุธประเภทนี้ได้

หลายประเทศอาจเดือดร้อนหลัง "สหรัฐฯ" โจมตี "อิหร่าน"

หลังปฏิบัติการ "มิดไนท์ แฮมเมอร์" สิ้นสุดลง โดยที่อิหร่านไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวและตอบโต้ อิสราเอลก็โจมตีซ้ำไปที่โครงสร้างทางทหารของอิหร่านทันที 

สำนักข่าว นาวเออร์ นิวส์ ของรัฐบาลอิหร่าน รายงานว่า อิสราเอลยิงขีปนาวุธโจมตี "พาร์ชิน" (Parchin) ที่ได้ชื่อว่าเป็น "คอมเพล็กซ์ทางทหาร" ขนาดใหญ่ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเตหะราน แม้อิหร่านจะโจมตีตอบโต้ แต่ขีปนาวุธที่ยิงออกไปก็ถูกสกัดโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่าน

การกระโจนเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านของสหรัฐฯ ก่อให้เกิดความวิตกว่า อิหร่านจะตอบโต้สหรัฐฯ และใช้นิวเคลียร์โจมตีชาติตะวันตกเพื่อแก้แค้น โดยที่ อับบาส อารัคชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ได้เดินทางไปกรุงมอสโกของรัสเซีย ทำให้เกิดความวิตกว่า อิหร่านอาจขอความช่วยเหลือด้านหัวรบนิวเคลียร์จากรัสเซีย

หลายประเทศอาจเดือดร้อนหลัง "สหรัฐฯ" โจมตี "อิหร่าน"

ถ้าสงครามบานปลาย ประเทศที่จะได้รับความเดือดร้อน ก็คือประเทศเพื่อนบ้านของอิหร่าน โดยเฉพาะพวกที่มีฐานทัพสหรัฐฯ ตั้งอยู่ ได้แก่ 

  • บาห์เรน เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่กองเรือที่ 5 ของกองทัพเรือสหรัฐฯ มีพื้นที่รับผิดชอบครอบคลุมอ่าวเปอร์เซีย ทะเลแดง ทะเลอาหรับ และบางส่วนของมหาสมุทรอินเดีย
  • กาตาร์ มีฐานทัพอากาศอัลอูเดิด ขนาด 24 เฮกตาร์ ในทะเลทรายนอกกรุงโดฮา โดยใช้เป็นกองบัญชาการส่วนหน้าของศูนย์บัญชาการกลางสหรัฐฯ ที่กำกับดูแลการปฏิบัติการทางทหารสหรัฐฯ ในพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่ทอดยาวจากทางตะวันตกของอียิปต์ ไปจนถึงทางตะวันออกของคาซัคสถาน ได้ชื่อว่าเป็นฐานทัพใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯในตะวันออกกลาง มีทหารประมาณ 10,000 นาย
  • คูเวต เป็นสถานที่ปฏิบัติงานทางทหารหลายแห่ง ได้แก่ ค่ายอาริฟจาน ซึ่งเป็นกองบัญชาการส่วนหน้าของกองทัพบกของสหรัฐฯ และฐานทัพอากาศอาลี อัล ซาเล็ม ที่อยู่ห่างจากชายแดนอิรักประมาณ 40 กิโลเมตร และเป็นที่รู้จักในชื่อ "เดอะร็อก" เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ห่างไกลและขรุขระ ยังมี "ค่ายบูห์ริง" หรือชื่อเดิม "อุดัยรี่" ก่อตั้งในช่วงสงครามอิรัก เมื่อปี 2546 และเป็นจุดพักสำหรับหน่วยต่างๆ ของกองทัพสหรัฐฯ ที่จะเคลื่อนพลเข้าสู่อิรักและซีเรีย 
  • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE มีฐานทัพอากาศอัลดาฟรา ตั้งอยู่ทางใต้ของกรุงอาบูดาบี และใช้ร่วมกันกับกองทัพอากาศของ UAE เป็นศูนย์กลางสำคัญของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่สนับสนุนภารกิจสำคัญในการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายไอซิส (ISIS) รวมถึงการลาดตระเวนทั่วทั้งภูมิภาค ยังมีท่าเรือญะบัลอาลี ในดูไบ ซึ่งไม่ใช่ฐานทัพอย่างเป็นทางการ แต่เป็นท่าจอดเรือที่ใหญ่ที่สุดของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง เพื่อรองรับเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือรบอื่นๆ ของสหรัฐฯ
  • อิรัก มีฐานทัพอากาศ ไอน์ อัล-อัสซาด ในจังหวัดอันบาร์ โดยให้การสนับสนุนกองกำลังรักษาความปลอดภัยของอิรัก และมีส่วนสนับสนุนภารกิจขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต และยังมีฐานทัพอากาศเออร์บิล ที่ตั้งอยู่ในเขตปกครองตนเองกึ่งอิสระเคอร์ดิสถาน ทางตอนเหนือของอิรัก ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำหรับกองกำลังสหรัฐฯ และกองกำลังผสมที่ดำเนินการฝึกซ้อมและซ้อมรบ
  • ซาอุดิอาระเบีย ทหารสหรัฐฯ ในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีจำนวน 2,321 นาย เมื่อปี 2567 โดยได้ปฏิบัติการร่วมกับซาอุดิอาระเบีย โดยจัดหาความสามารถในการป้องกันทางอากาศและขีปนาวุธ และสนับสนุนการปฏิบัติการของเครื่องบินทหารสหรัฐฯ โดยบางส่วนประจำการอยู่ห่างจากกรุงริยาดไปทางใต้ประมาณ 60 กิโลเมตร โดยเฉพาะที่ฐานทัพอากาศปรินซ์สุลต่าน ได้สนับสนุนระบบป้องกันภัยทางอากาศ รวมถึงแบตเตอรี่ขีปนาวุธแพทริออต และระบบป้องกันพื้นที่ระดับความสูงขั้นสูงสุด
  • จอร์แดน ฐานทัพอากาศมูวาฟฟัก อัล ซัลตี ตั้งอยู่ในเมืองอัซรัค และเป็นที่ตั้งของกองบินสำรวจทางอากาศที่ 332 ของกองทัพอากาศ ซึ่งทำภารกิจต่างๆ ในภูมิภาค 


ผลกระทบทางเศรษฐกิจ 


มีเสียงเรียกร้องภายในอิหร่าน ให้ปิดช่องแคบฮอร์มุซ เพื่อตอบโต้การโจมตีของสหรัฐฯ ซึ่งถ้าอิหร่านทำจริง ประเทศที่จะได้รับผลกระทบเป็นอันดับต้นๆ คือ จีน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญทั้งทางการทูต และเศรษฐกิจต่ออิหร่าน 

"ช่องแคบฮอร์มุซ" ซึ่งเชื่อมอ่าวเปอร์เซียที่อุดมไปด้วยน้ำมัน เข้ากับมหาสมุทรเปิด ถือเป็นจุดส่งน้ำมันที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ครองสัดส่วนน้ำมันดิบราว 20 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 20% ของการบริโภคน้ำมันทั่วโลก ส่วนจีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก และผู้ซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านรายใหญ่ที่สุด

สำนักงานสารสนเทศพลังงาน (Energy Information Administration) หรือ EIA ของสหรัฐฯ ได้ประมาณการว่า จีนนำเข้าน้ำมันดิบ 5.4 ล้านบาร์เรลผ่านช่องแคบฮอร์มุซทุกวัน ในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ (2025) เทียบเท่ากับประมาณครึ่งหนึ่งของปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ยรายวันของจีนในไตรมาสแรกของปี ถ้าอิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซ ก็จะกระทบพันธมิตรหลักอย่างจีนมากกว่าประเทศอื่น