เจ้าหน้าที่คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐฯ (NTSB) แถลงเมื่อวันจันทร์ (19 พฤษภาคม) โดยเปิดเผยครั้งแรกเกี่ยวกับความคืบหน้าของการสืบสวนเหตุการณ์เรือใบของกองทัพเรือเม็กซิโกชนข้างใต้สะพานบรูกลินในนครนิวยอร์กทำให้เสากระโดงทั้ง 3 ที่สูง 45 เมตรหัก และมีผู้เสียชีวิต 2 คน และผู้บาดเจ็บ 22 คน เมื่อคืนวันเสาร์ (17 พฤษภาคม) และกำลังรอการอนุญาตจากรัฐบาลเม็กซิโกเพื่อขึ้นไปตรวจสอบบนเรือ ที่ยังคงจอดที่ท่าเทียบเรือ 36
ชุดสอบสวนระบุว่า เรือออกจากท่าเทียบเรือ 17 โดยมีเรือลากจูง และเรือเร่งความเร็วช่วงก่อนพุ่งชนสะพาน โดยจะมุ่งตรวจสอบสถานะของเครื่องยนต์ว่าดับหรือไม่ และซักถามลูกเรือว่าเกิดปัญหาอะไรกับเครื่องยนต์หรือไม่ และประเมินข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ทุกแง่มุมเพื่อหาสาเหตุว่าอะไรทำให้เรือเริ่มเร่งความเร็ว รวมทั้งตรวจสอบว่า สภาพอากาศ ลมและกระแสน้ำ และเรือลากจูงมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุหรือไม่ โดยคาดว่า จะเปิดเผยรายงานเบื้องต้นได้ภายใน 30 วัน
นอกจากนี้ NTSB เผยไทมไลน์ช่วงเรือเม็กซิโกถูกลากจูงออกจากท่าแล่นไปตามแม่น้ำอีสต์ โดยในเวลา 20.20 น. เรือเริ่มถอยหลังออกจากท่าโดยได้รับการช่วยเหลือจากเรือลากจูง และ 20.24.45 น. เรือชนสะพาน และ 20.27 น. เรือหยุดนิ่ง
เดิมเรือมีแผนล่องลงใต้ ห่างจากสะพานบรูคลิน และมุ่งหน้าไปท่าเรือนิวยอร์ก โดยมีเป้าหมายไปไอซ์แลนด์เป็นจุดหมายต่อไป แต่ในช่วงที่เรือออกจากท่า หัวเรือเคลื่อนตัวไปทางสะพาน และเสาะกระโดงชนใต้สะพานจนหักบางส่วน ทำให้ลูกเรือราว 20 คน พลัดตกจากคานที่ติดกับเสากระโดงเรือ
คลิปที่แพร่สะพัดในออนไลน์เห็นเรือลากจูงดันหัวเรือของเรือใบ ก่อนแยกตัวออกมา เมื่อเรือใบเข้าใกล้สะพาน และต่อมาแล่นมุ่งหน้าไปทางท้ายเรือใบเพื่อพยายามหยุดไม่ให้เรือพุ่งชนสะพาน และหลังจากชนสะพานทำให้เสากระโดงหัก เรือยังแล่นฝ่าไปจนหยุดนิ่งที่ริมตลิ่งแม่น้ำ