สำนักงานของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน เผยแพร่แถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ (18 พฤษภาคม) ระบุว่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ วัย 82 ปี ได้รับการวินิจฉัยเมื่อวันศุกร์ว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดรุนแรง ที่มีความรุนแรงระดับ 9 คะแนนจาก 10 คะแนน (Gleason Score) โดยลามถึงกระดูกแล้ว แพทย์ตรวจพบหลังจากเขาเข้าพบด้วยอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ
ไบเดนและครอบครัวกำลังพิจารณาแนวทางการรักษา และเนื่องจากมะเร็งอ่อนไหวต่อฮอร์โมน จึงอาจสามารถให้การรักษาได้ด้วยฮอร์โมนบำบัด
หลังทราบข่าวอาการป่วยของไบเดน ก็มีคำอวยพรและให้กำลังใจจากผู้นำและอดีตผู้นำทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ในทรูธ โซเชียลว่า เขาและเมลาเนีย สุภาพสตรีหมายเลข 1 เศร้าใจที่ได้ทราบคำวินิจฉัยเกี่ยวกับอาการป่วยของอดีตประธานาธิบดีไบเดน พร้อมกับแสดงความปรารถนาดีแก่จิล ไบเดน อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 และครอบครัว และขอให้ไบเดนหายป่วยและฟื้นตัวได้โดยเร็ว
และอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา ซึ่งดำรงตำแหน่งโดยมีไบเดนเป็นรองประนาธิบดีในรัฐบาลของเขา โพสต์ใน X ว่า เขาและมิเชล ภรรยา แสดงความห่วงใยแก่ครอบครัวไบเดน และเขามั่นใจว่า ไบเดนจะสามาถต่อสู้กับมะเร็งด้วยความเด็ดเดี่ยวและความสง่างาม และขออธิษฐานให้เขาฟื้นตัวได้โดยเร็ว
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษ ร่วมอพยพไบเดนให้การรักษาประสบความสำเร็จได้โดยเร็ว
ไบเดนไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนเท่าใดนักนับจากพ้นตำแหน่ง หลังจากต้องถอนตัวจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีกลางคัน เมื่อทำงานผลได้แย่ในการดีเบทแข่งกับทรัมป์ในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลของหลายฝ่ายเกี่ยวกับสุขภาพและอายุของเขา
ที่ผ่านมาไบเดนมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง หลังจากสูญเสียลูกชาย โบ วัย 46 ปี ที่เสียชีวิตด้วยมะเร็งสมองในปี 2558 และในสมัยเป็นรองประธานาธิบดี ก็ได้รับมอบหมายจากอดีตประธานาธิบดีไบเดนให้รับผิดชอบเกี่ยวกับโครงการวิจัยวิธีรักษาโรคมะเร็ง และในสมัยที่เป็นประธานาธิบดีเขารื้อฟื้นโครงการดังกล่าวอีกครั้ง และตั้งเป้าว่า จะลดอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งอย่างน้อย 50% ภายใน 25 ปีข้างหน้า
ข้อมูลจากวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์จอห์น ฮอปกินส์ ระบุว่า มะเร็งต่อมลูกหมากมีโอกาสมากถึง 100% ที่จะมีชีวิตอยู่ได้นาน 5 ปี หากพบมะเร็งในระยะแรก และโอกาสรอดชีวิตโดยเฉลี่ยจะลดลงเหลือ 28% หากเป็นมะเร็งระยะลุกลาม