
กองทัพปากีสถานแถลงในวันพฤหัสบดี (8 พฤษภาคม) ว่า กองทัพสามารถยิงสกัดโดรน ฮารอป ผลิตในอิสราเอล ของกองทัพอินเดีย 25 ลำ ที่พุ่งเป้าโจมตีหลายแห่ง รวมถึงเมืองลาฮฮร์ และการาจี และย้ำว่ากองทัพกำลังตอบโต้ศัตรูอย่างเหมาะสม และสามารถทำลายการโจมตีได้ทั้งหมด
นอกจากนี้อัตตาวลาห์ ทาราร์ รัฐมนตรีข่าวสารของปากีสถาน เผยต่อที่ประชุมรัฐสภาด้วยว่า ที่เส้นควบคุมแบ่งแยกดินแดนแคชเมียร์ระหว่างฝั่งปากีสถานและอินเดีย ทหารปากีสถานสามารถสังหารทหารอินเดีย 40-50 นาย และสามารถทำลายกองบัญชาการด้วย
ขณะเดียวกันรัฐบาลอินเดีย เปิดเผยว่า กองทัพสามารถโจมตีทำลายเรดาร์และระบบป้องกันภัยทางอากาศในหลายจุดของปากีสถาน ซึ่งรวมถึงในลาฮอร์ ในช่วงเช้าวันนี้ เพื่อตอบโต้ที่กองทัพปากีสถานพยายามโจมตีเป้าหมายทางทหารในหลายแห่งทางภาคเหนือและตะวันตกของอินเดียด้วยโดรนและขีปนาวุธในช่วงกลางดึกแต่สกัดไว้ได้
นอกจากนี้ราชนาธ ซิงห์ รัฐมนตรีกลาโหมอินเดีย เผยในวันนี้ว่า สามารถสังหารผู้ก่อการร้ายได้ 100 คน จากการโจมตีทำลายค่ายก่อการร้ายภายในปากีสถานและดินแดนแคชเมียร์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของปากีสถาน
อินเดียเริ่มเปิดปฏิบัติการซินดูร์ (Operation Sindoor) ด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีค่ายก่อการร้าย 9 แห่ง ในปากีสถานและแคชเมียร์ฝั่งปากีสถานช่วงเช้ามืดวันพุธ และนำไปสู่การยิงปืนใหญ่ตอบโต้ข้ามพรมแดนระหว่างสองฝ่าย โดยอินเดียต้องการตอบโต้เหตุการณ์กราดยิงนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 26 คน ในรัฐจัมมูและแคชเมียร์ของอินเดียเมื่อวันที่ 22 เมษายน โดยกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายในปากีสถาน แต่ปากีสถานปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ขณะที่ปากีสถานเผยในวันนี้ว่า มีประชาชนเสียชีวิต 31 คน และบาดเจ็บ 57 คน จากการโจมตีทางอากาศของอินเดียทั้งในปากีสถานและแคชเมียร์ฝั่งปากีสถาน และการยิงปืนใหญ่ข้ามพรมแดนที่เส้นควบคุมในแคชเมียร์ตั้งแต่เช้ามืดวันพุธ
และกองทัพอินเดีย เผยมีประชาชนเสียชีวิต 16 คน จากปากีสถานยิงข้ามพรมแดนที่เส้นควบคุมในแคชเมียร์
นายกรัฐมนตรีเชห์บาซ ชารีฟ ของปากีสถาน แถลงเมื่อค่ำวันพุธว่า การโจมตีกลางดึกของอินเดียเป็นการกระทำที่ขี้ขลาด และแสดงความชื่นชมทีก่องทัพสามารถยิงเครื่องบินขับไล่อินเดียร่วง 5 ลำ ที่บริเวณเส้นควบคุมในแคชเมียร์ และปากีสถานจะยืนหยัดต่อสู้อินเดียและเป็นฝ่ายชนะ
แต่รัฐมนตรีกลาโหมอินเดีย บอกในวันพฤหัสบดีว่า รัฐบาลยินดีคลี่คลายความขัดแย้งผ่านการเจรจา แต่ไม่ได้หมายความว่า ประเทศใดจะสามารถเอาเปรียบจากความอดกลั้นของอินเดีย และหากถูกทดสอบความอดทน ก็พร้อมตอบโต้อย่างหนักหน่วงเหมือนการโจมตีเมื่อวันพุธ
ขณะที่มูฮัมหมัด อิสฮัค ดาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศของปากีสถาน เปิดเผยด้วยว่า กองทัพใช้เครื่องบินรุ่น J-10C ที่ผลิตในจีนยิงสอยเครื่องบินขับไล่อินเดียเมื่อวันพุธ และอ้างว่า ทีมจากกระทรวงต่างประเทศจีนและเอกอัครราชทูตจีนได้รับรายงานเรื่องปฏิบัติการดังกล่าวด้วย
แต่เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามประเด็นนี้จากกระทรวงต่างประเทศของจีน ได้รับคำตอบว่า ยังไม่เห็นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้
จีนเป็นแหล่งอาวุธสำคัญของปากีสถาน โดยอาวุธที่ปากีสถานนำเข้ามากถึง 81% ในช่วง 5 ปี เป็นอาวุธจากจีน