
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย เผยเมื่อวันอังคาร (6 พฤษภาคม) ว่า นับจากนี้น้ำในอินเดียจะไหลเพื่อประโยชน์ของอินเดีย อนุรักษ์ไว้สำหรับประโยชน์ของอินเดีย และจะใช้เพื่อความก้าวหน้าของอินเดียเท่านั้น
ถ้อยแถลงนี้ไม่ได้ระบุถึงปากีสถาน แต่มีขึ้นหลังจากเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว อินเดียประกาศระงับสนธิสัญญาแบ่งปันการใช้น้ำในแม่น้ำสินธุและแม่น้ำสาขากับปากีสถาน ที่บังคับใช้มานาน 65 ปี
สนธิสัญญาแม่น้ำสินธุ (IWT) ฉบับปี 2503 กำหนดแบ่งปันน้ำในแม่น้ำ 6 สายในลุ่มน้ำสินธุระหว่างอินเดียและปากีสถาน เป็นตัวอย่างของการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน และสามารถรอดพ้นจากสงครามระหว่างสองประเทศถึง 2 ครั้งในอดีต
ขณะที่การระงับสนธิสัญญาฉบับนี้มีขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์กราดยิงสังหารนักท่องเที่ยว 26 คน ในรัฐจัมมูและแคชเมียร์ของอินเดีย ที่เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนแคชเมียร์ที่แบ่งเป็นฝั่งอินเดียและปากีสถาน และอินเดียกล่าวหาว่า การก่อการร้ายครั้งนี้เป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธในปากีสถาน ส่วนปากีสถานประกาศจะใช้กฎหมายระหว่างประเทศเพื่อตอบโต้การหยุดยั้งการไหลของแม่น้ำ
นอกจากมาตรการระงับสนธิสัญญาดังกล่าว อินเดียยังดำเนินมาตรการตอบโต้ทางการทูตอื่น ๆ และล่าสุดอินเดียยิงขีปนาวุธโจมตีในปากีสถาน และดินแดนแคชเมียร์ฝั่งปากีสถานเมื่อคืนวันอังคาร
แม่น้ำจากอินเดียไหลผ่านปากีสถาน และเป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับพื้นที่เกษตรเกือบ 80% ของปากีสถาน ผู้นำปากีสถานเตือนว่าความพยายามใด ๆ หยุดการไหลของแม่น้ำจะถือว่าเป็นการประกาศสงคราม
แม้นายกรัฐมนตรีโมดียังไม่ระบุแน่ชัดว่าจะดำเนินการอย่างไรและวางแผนใช้น้ำส่วนเกินอย่างไร แต่ผู้เชี่ยวชาญ คาดว่า อินเดียจำเป็นต้องสร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ และทะเลสาบเพื่อกักเก็บน้ำ ซึ่งต้องใช้เวลานาน
ขณะที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ เรียกร้องให้ปากีสถานและอินเดียแก้ไขปัญหาขัดแย้งด้วยความรับผิดชอบเพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในเอเชียใต้ในระยะยาว