นายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะของญี่ปุ่น แถลงนโยบายในวันเปิดสมัยประชุมของรัฐสภาในวันจันทร์ โดยกล่าวว่า จำนวนเด็กแรกเกิดในปีที่แล้วลดลงต่ำกว่า 800,000 คน และประเทศอยู่ในความเสี่ยงว่า สังคมจะทำหน้าที่ต่อไปได้หรือไม่ รัฐบาลจึงจะเร่งส่งเสริมนโยบายสำหรับเด็ก และการสนับสนุนการเลี้ยงดูเด็ก ซึ่งเป็นการลงทุนที่มีประสิทธิภาพที่สุดเพื่ออนาคตของประเทศ โดยเขาจะสร้างเศรษฐกิจและสังคมที่ให้ความสำคัญกับเด็กเป็นอันดับแรก เพื่อแก้ไขปัญหาอัตราการเกิดลดลง และจะวางแผนเพิ่มงบประมาณสองเท่าเพื่อสนับสนนุนการเลี้ยงดูเด็ก
ส่วนในเรื่องเศรษฐกิจมหภาค เขาเรียกร้องให้รัฐสภาร่วมมือกันกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยบอกว่า การปรับขึ้นค่าจ้างเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะกระจายรายได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการสู่แรงงาน และกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค พร้อมกับย้ำว่า ควรปรับขึ้นค่าจ้างให้เติบโตมากกว่าอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน ที่เป็นผลมาจากราคาอาหารและพลังงานพุ่งสูงทั่วโลก
นอกจากนี้เขาบอกว่า รัฐบาลตั้งเป้าลดสถานะของโรคโควิด-19 จากโรคระบาดเป็นโรคติดต่อระดับ 5 เทียบเท่ากับไข้หวัดใหญ่ภายในฤดูใบไม้ผลินี้ และจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อพิชิตการระบาดระลอกที่ 8 ในขณะนี้
ส่วนประเด็นความมั่นคงของชาติ เขาบอกว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญอันดับแรกกับการทูตเชิงรุก และการทูตต้องอาศัยอำนาจการป้องกันประเทศ และเพื่อให้สามารถปกป้องชีวิตประชาชนได้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ความมั่นคงใหม่เพื่อส่งเสริมให้กองกำลังป้องกันตนเองมีความเข้มแข็งขึ้น
ภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่กำหนดว่าจะเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันประเทศเกือบสองเท่าภายใน 5 ปีเป็น 43 ล้านล้านเยน และพัฒนาศักยภาพด้านไซเบอร์และข่าวกรอง โดยหนึ่งในสี่ของงบประมาณส่วนนี้จะมาจากการขึ้นภาษี