เหวียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีวัย 68 ปี เพิ่งดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ที่มีหน้าที่ในทางพิธีการได้เพียงไม่ถึง 2 ปี หลังจากเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีช่วงปี 2559-2564
สำนักข่าวของทางการเวียดนาม รายงานในวันอังคารว่า นายเหวียน ซวน ฟุก มีส่วนรับผิดชอบต่อการที่เจ้าหน้าที่หลายคนภายใต้การบังคับบัญชา ละเมิดกฎและกระทำผิด และเนื่องจากเขาตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อพรรคคอมมิวนิสต์ และประชาชน จึงยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีและตำแหน่งในพรรคคอมมิวนิสต์
แต่การลาออกจะมีผลบังคับ เมื่อได้รับการเห็นชอบจากสมัชชาแห่งชาติ ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า สภานิติบัญญัติอาจจัดการประชุมสมัยพิเศษภายในสัปดาห์นี้
ก่อนหน้านี้มีกระแสคาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีเหวียน ซวน ฟุก จะลาออก หลังจากรองนายกรัฐมนตรี 2 คนในรัฐบาลของเขาถูกปลดเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของพรรคคอมมิวนิสต์ในการปราบปรามการคอร์รัปชัน ที่นำไปสู่การจับกุมเจ้าหน้าที่หลายสิบคน และการปลดรัฐมนตรีบางคน หลายคนถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการทุจริตเกี่ยวกับสัญญาต่าง ๆ ภายใต้แผนควบคุมการระบาดของโควิด-19
ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า การปรับเปลี่ยนผู้นำระดับสูงในเวียดนามในระยะนี้ไม่ใช่เรื่องปกติอย่างมาก และบางคนมองว่า อาจเป็นเกมการเมืองของเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ที่พยายามใช้การปราบปรามการทุจริตเป็นเครื่องมือกำจัดคู่แข่งทางการเมืองเพื่อปูทางให้ทายาททางการเมืองได้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเขา
เวียดนามไม่มีผู้นำระดับสูงสุด และปกครองโดย 4 เสาหลัก ได้แก่ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และประธานสมัชชาแห่งชาติ
เหวียน ซวน ฟุก ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีเมื่อเดือน เม.ย. 2564 หลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนาน 5 ปี เขาเป็นผู้นำรัฐบาลที่ส่งเสริมภาคธุรกิจ โดยมีบทบาทสำคัญในการเปิดเสรีการค้า ด้วยการลงนามข้อตกลงการค้าฉบับประวัติศาสตร์กับทั้งสหภาพยุโรป และชาติยักษ์ใหญ่ในแปซิฟิก ที่รวมถึง ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
เขาเป็นหนึ่งในสองตัวเต็งสำคัญ ที่อาจก้าวสู่ตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สืบต่อจากเหวียน ฝู จ่อง แต่ถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับจุดยืนสนับสนุนชาติตะวันตก และผลประโยชน์ทางธุรกิจอย่างกว้างขวางของคนในครอบครัว