ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน ที่เผยแพร่ในวันอังคารระบุว่า จำนวนประชากรของจีนแผ่นดินใหญ่ในปี 2565 อยู่ที่ 1,418 ล้านคน ซึ่งไม่รวมชาวต่างขาติ ลดลง 850,000 คน จากปี 2564 จำนวนดังกล่าวเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 60 ปี นับตั้งแต่ปี 2504
นอกจากนี้ในปี 2565 จีนมีเด็กเกิดใหม่ 9.56 ล้านคน และผู้เสียชีวิต 10.41 ล้านราย โดยอัตราการเกิดลดลงเหลือ 6.77 ต่อผู้หญิง 1,000 คน ซึ่งเป็นสถิติต่ำที่สุด ลดลงจาก 7.52 ครั้งในปี 2564 นอกจากนี้อัตราการตายยังมากกว่าอัตราการเกิดเป็นครั้งแรกในปีที่แล้ว โดยมีอัตราการตาย 7.18 ต่อประชากร 1,000 คน ขณะที่เคยมีอัตราการตายสูงสุดที่ 7.37 ในปี 2519
ส่วนประชากรวัย 16-59 ปี ลดลงเหลือ 62% ของประชากรทั้งหมด ลดลงจาก 62.5% ในปี 2564
แนวโน้มประชากรลดลงในจีนเป็นผลมาจากนโยบายลูกคนเดียวที่เริ่มประกาศใช้ในปี 2522 แต่นโยบายนี้ถูกยกเลิกในปี 2559 และอนุญาตให้มีลูกได้ 2 คน และในช่วงหลายปีมานี้ รัฐบาลเสนอมาตรการกระตุ้นการมีบุตร เช่น การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษี และการบริการสุขภาพแม่และเด็กที่ดีขึ้น เพื่อหวังชะลออัตราการเกิดที่ลดลง แต่นโยบายเหล่านี้ไม่อาจทำให้อัตราการเกิดเพิ่มขึ้นได้อย่างยั่งยืน
ผู้เชี่ยวชาญ มองว่า รัฐบาลขาดนโยบายลดภาระการเลี้ยงดูบุตร เช่น ความช่วยเหลือแก่มารดาที่ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ หรือ การเข้าถึงการศึกษาของเด็ก
และเมื่อเดือน ต.ค. 2565 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศว่า การเพิ่มอัตราการเกิดจะเป็นเป้าหมายสำคัญอันดับแรก และรัฐบาลจะดำเนินยุทธศาสตร์ระดับชาติเพื่อรับมือปัญหาสังคมผู้สูงอายุ