อีเลน เพียร์สัน ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียของฮิวแมนไรท์วอชท์ แถลงที่กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซียในวันพฤหัสบดี และเผยแพร่รายงานประจำปีเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในกว่า 100 ประเทศและดินแดน
เธอกล่าวว่า เนื้อหาหลักของรายงานในปีนี้มุ่งเสนอรูปแบบใหม่ของบทบาทผู้นำโลกว่ารัฐบาลของทุกชาติไม่ว่าใหญ่และเล็กมีความรับผิดชอบเหมือนกันในการยืนหยัดและปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
นอกจากนี้เธอ ระบุว่า HRW เห็นว่า อินโดนีเซียสามารถแสดงบทบาทมากขึ้นในกิจการของโลก หลังจากประสบความสำเร็จในการจัดประชุม G20 ในปีที่แล้ว และหวังว่า อินโดนีเซียจะใช้โอกาสเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ คลี่คลายวิกฤตในเมียนมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพียร์สัน ยังบอกด้วยว่า หนึ่งในวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ที่สุดยังคงอยู่ในเมียนมา หลังจากมีการรัฐประหารในต้นปี 2564 และหนทางที่ยั่งยืนเพียงอย่างเดียวในการแก้ไขวิกฤตผู้อพยพโรฮิงญา คือ การทำให้รัฐบาลเมียนมารับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำ และทำให้ชาวโรฮิงญากลับคืนสู่ถิ่นฐานอย่างปลอดภัย
นอกจากนี้รายงานของ HRW ระบุว่า มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางในสงครามยูเครน พร้อมกับชื่นชมความร่วมมือของนานาชาติในการต่อต้านรัสเซียที่รุกรานยูเครน และหวังว่า รัฐบาลทั้งหลายจะยกระดับเจตนารมณ์ทางการเมืองเพื่อแก้ไขวิกฤตอื่น ๆ ในแบบเดียวกัน ไม่ใช่เฉพาะเมื่อเป็นผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น
รายงานยังสะท้อนปัญหาอื่น ๆ เช่น การลิดรอนเสรีภาพพลเมืองของผู้หญิงและเด็กหญิงในอัฟกานิสถาน การละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีนและการประท้วงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ในจีน รวมถึงการประท้วงในอิหร่านที่มีชนวนเหตุจากการเสียชีวิตของผู้หญิงที่ถูกจับกุมเพราะไม่สวมฮิญาบ
HRW ยังระบุในรายงานว่า แม้ระบอบเผด็จการที่เพิ่มมากขึ้นสร้างความทุกข์ยากแก่มนุษย์มากขึ้นในปีที่ผ่านมา แต่ก็มีสัญญาณแห่งความหวังว่า อำนาจเปลี่ยนมาอยู่ในมือของประชาชน ที่ออกมาเดินขบวนตามท้องถนนเพื่อแสดงความไม่พอใจทั้งในอิหร่าน จีน และที่อื่น ๆ ทั่วโลก