เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า "จดหมายระเบิด" ซึ่งจ่าหน้าถึงนายกรัฐมนตรี เปโดร ซานเชซ ถูกส่งถึงที่สำนักงานของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 พ.ย. และมีการตรวจพบพัสดุต้องสงสัยเป็นจดหมายที่ซุกซ่อนระเบิดเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่สถานทูตยูเครนในกรุงมาดริด และบริษัทผลิตอาวุธของสเปน และจดหมายระเบิดอีกชิ้นหนึ่งถูกพบที่ศูนย์ดาวเทียมของสหภาพยุโรป ที่ฐานทัพอากาศ Torrejon de Ardoz นอกกรุงมาดริดในเช้าวันที่ 30 พ.ย.
นอกจากนี้มีรายงานว่า จดหมายระเบิดชิ้นที่ 5 ถูกพบที่กระทรวงกลาโหมในเช้าวันที่ 30 พ.ย. และล่าสุดพบจดหมายระเบิดชิ้นที่ 6 ที่จุดตรวจรักษาความปลอดภัยของสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงมาดริดในช่วง 12.30 น.ของวันที่ 30 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น และวัตถุระเบิดถูกทำลายโดยหน่วยเก็บกู้ระเบิดแล้ว
ก่อนหน้ามีรายงานพบพัสดุต้องสงสัยชิ้นที่ 6 ราฟาเอล เปเรซ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย แถลงว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า พัสดุต้องสงสัยทั้ง 5 ชิ้นถูกส่งมาจากภายในสเปน อุปกรณ์ระเบิด ซึ่งถูกบรรจุในซองสีน้ำตาล ประกอบด้วย ผงดินปืนติดไฟได้และสายไฟ ที่จะทำให้เกิดลุกไหม้ฉับพลันมากกว่าจะทำให้เกิดการระเบิด และเป็นอุปกรณ์ที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง
เขาระบุว่า จดหมายระเบิดชิ้นหนึ่งทำงานเมื่อเจ้าหน้าที่สถานทูตยูเครนเปิดซองออก ส่งผลให้รับบาดเจ็บที่นิ้วมือ ส่วนจดหมายระเบิดอีก 3 ชิ้นถูกหน่วยเก็บกู้ระเบิดทำลาย และอีก 1 ชิ้นยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์เพื่อใช้ในการสอบสวน
เขายืนยันว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องเรียกประชุมคณะกรรมการฝ่ายความมั่นคงเพื่อประเมินยกระดับภัยคุกคามการก่อการร้าย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับรองจากระดับสูงสุดอยู่แล้ว หลังเกิดเหตุโจมตีทั่วยุโรปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามกระทรวงมหาดไทยสั่งตำรวจเพิ่มการรักษาความปลอดภัยสถานที่สาธารณะ ตลอดจนสถานทูตและสถานกงสุลทุกแห่งในสเปน และตรวจสอบพัสดุอย่างระมัดระวัง และแหล่งข่าวด้านกระบวนการยุติธรรม เปิดเผยว่า ศาลสูงของสเปน ที่เชี่ยวชาญการสอบสวนคดีก่อการร้าย ได้เปิดการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
ขณะที่ตำรวจกำลังสอบสวนว่า มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ระหว่างจดหมายระเบิดที่พบที่สถานทูตยูเครน และพัสดุต้องสงสัยที่พบที่บริษัท อินสตาลาซา ผู้ผลิตอาวุธของสเปน ในเมืองซาราโกซา และผลิตเครื่องยิงจรวด C90 ที่สเปนจัดส่งให้ยูเครน
ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน สั่งเพิ่มการรักษาความปลอดภัยที่สถานทูตยูเครนทุกแห่งทั่วโลก และระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสเปนเป็น “การก่อการร้าย” พร้อมกับยืนยันจะปกป้องชาวยูเครนทุกคนทั้งที่อยู่ในยูเครน และต่างประเทศด้วยทุกวิถีทางที่มี