เหตุการณ์ลอบสังหารนายชินโสะ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ยังคงสร้างแรงกระเพื่อมไม่หยุด เมื่อสาธารณชนยังคงให้ความสนใจเรื่อง “โบสถ์แห่งความสามัคคี” ที่เป็นต้นเหตุ และไล่ขุดคุ้ยพวกนักการเมืองที่เกี่ยวข้องลัทธิอันตรายนี้
นายดาอิชิโร ยามางิวะ รัฐมนตรีเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ลาออกเมื่อวันจันทร์ หลังเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นเรื่อยๆ ที่ไม่สามารถอธิบายความสัมพันธ์ของเขากับโบสถ์แห่งความสามัคคี ลัทธิอื้อฉาว ที่อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อนายกรับมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ทำให้นาย ยามางิวะ กลายเป็นรัฐมนตรีคนแรกที่ลาออกจากรัฐบาลนายคิชิดะ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว
นายยามางิวะ ยังกลายเป็นบุคคลทางการเมืองที่มีตำแหน่งสูงสุด ที่พัวพันกับเรื่องอื้อฉาวที่มีชนวนจากเหตุการณ์ลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ เมื่อเดือนกรกฎาคม และคาดว่า การลาออกของเขามีแนวโน้มที่จะสร้างความเสียหายให้นายคิชิดะ ที่เสียงสนับสนุนลดลงไปต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังมีการเปิดเผยความเชื่อมโยงระหว่าง ส.ส.เกือบครึ่งของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ภายใต้การนำของเขา กับโบสถ์แห่งความสามัคคี
นายยามางิวะ ได้กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวว่า เขาเสียใจต่อการกระทำของตนเอง แต่ไม่ได้ขอโทษ และบอกด้วยว่า เขาจะยังทำหน้าที่ ส.ส.ต่อไป เนื่องจากไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เขาบอกว่า การที่เขาออกมาชี้แจงล่าช้า ได้สร้างความลำบากให้รัฐบาล เขาเสียใจที่เข้าร่วมการชุมนุมที่โบสถ์แห่งนี้หลายครั้ง ส่งผลให้องค์กรแห่งนี้ได้รับการยอมรับ
ด้านนายคิชิดะ แถลงว่า เขาจะแต่งตั้งรัฐมนตรีเศรษฐกิจคนใหม่ในวันนี้ และยอมรับการลาออกของนายยามางิวะ เพราะในฐานะนายกรัฐมนตรี เขาจำเป็นต้องให้ความสำคัญสูงสุดกับประเด็นต่างๆ เช่น มาตรการเศรษฐกิจ และงบประมาณเพิ่มเติมต่างๆ โดยเฉพาะแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย และพร้อมจะประกาศสิ้นเดือนนี้ และลงท้ายว่า เขารู้สึกว่าต้องรับผิดชอบต่อการแต่งตั้งนายยามางิวะ แต่ก็จะทำหน้าที่และเข้าสภาฯ ต่อไป
โบสถ์แห่งความสามัคคี ก่อตั้งที่เกาหลีใต้ เมื่อทศวรรษที่ 1950 และมีชื่อเสียงจากการจัดพิธีสมรสหมู่ และกลายเป็นที่สนใจจากทั่วโลก หลังเหตุการณ์ลอบสังหารนายอาเบะ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม และผู้ที่ลงมือสังหารเป็นคนที่อ้างว่า บ้านแตกสาแหรกขาดเพราะโบสถ์แห่งนี้ จากการล้มละลายของผู้เป็นแม่ และเขาโทษนายอาเบะว่า สนับสนุนโบสถ์แห่งนี้ ซึ่งนับจากนั้น ก็มีหลักฐานถูกขุดขึ้นมาเรื่อยๆ ถึงความสัมพันธ์อันยาวนานและหยั่งรากลึก ระหว่างโบสถ์กับสมาชิกพรรค LDP