ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นถ้อยแถลงต่อผู้นำโลกในเวทียูเอ็นครั้งแรกนับจากรัสเซียบุกยูเครน โดยเขากล่าวผ่านการบันทึกวิดีโอล่วงหน้า ประกาศเงื่อนไข 5 ข้อที่ต่อรองไม่ได้เพื่อสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน ซึ่งรวมถึง การลงโทษรัสเซียสำหรับการรุกรานยูเครน และการฟื้นฟูบูรณภาพทางดินแดนแก่ยูเครน
เขาระบุว่า มีอาชญากรรมเกิดขึ้นในยูเครน ควรมีการลงโทษสำหรับการรุกราน การละเมิดพรมแดนและบูรณภาพทางดินแดน และการลงโทษควรมีผลบังคับจนกว่าพรมแดนที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติจะกลับคืนสู่สภาพเดิม
นอกจากนี้ผู้นำยูเครนเรียกร้องให้ยูเอ็นจัดตั้งศาลพิเศษพิจารณาคดีอาชญากรรมสงคราม พร้อมกับแจกแจงรายละเอียดอาชญากรรมสงครามที่ก่อโดยรัสเซีย และเรียกร้องให้ยูเอ็นเพิกถอนอำนาจยับยั้ง หรือ วีโต้ แก่รัสเซียในฐานะสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น รวมถึงการให้หลักประกันความมั่นคงใหม่แก่ยูเครน
ถ้อยแถลงของผู้นำยูเครนมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินประกาศเมื่อวันพุธว่า เขาได้ลงนามในคำสั่งระดมพลบางส่วน เพื่อเรียกกำลังพลสำรองเข้ารับใช้กองทัพ ซึ่งกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า จะระดมพลจำนวน 300,000 นาย
คำสั่งระดมพลมีขึ้นหลังจากในวันเดียวกันกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียใน 4 ภูมิภาคของยูเครน ที่ยึดครองไว้ได้ ประกาศจะจัดการลงประชามติเพื่อผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียหรือไม่เริ่มจากวันที่ 23 ก.ย.
แม้รัสเซียเตรียมเสริมกำลังทหารในสงคราม แต่ทั้งรัสเซียและยูเครนยอมแลกเปลี่ยนเชลยศึกครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นเมื่อปลายเดือน ก.พ. โดยผลจากการไกล่เกลี่ยของซาอุดิอาระเบีย รัสเซียยอมปล่อยตัวเชลยของยูเครน 215 คน ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึง นักรบกองพันอาซอฟ 108 คนและนักรบต่างชาติ 10 คน และยูเครนยอมปล่อยตัวเชลย 55 คน ซึ่งมีทั้งทหารรัสเซีย และชาวยูเครน ที่สนับสนุนรัสเซีย อย่าง วิกเตอร์ เมดเวดชุค นักการเมืองยูเครนที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดีปูติน