
นางเอกสาวมากความสามารถ "ขวัญ อุษามณี" ใกล้จะรับปริญญาเอกในวันที่ 18 สิงหาคม 2567 เตรียมขึ้นแท่นเป็นด็อกเตอร์ป้ายแดง หลายคนอยากรู้ว่าการเรียนของสาวขวัญในครั้งนี้จะเป็นการเรียนเพื่อปูทางเข้าสู่เส้นทางการเมืองจริงหรือเปล่า เพราะคณะที่เธอเลือกเรียน คือ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ อีกทั้งขวัญยังเคยเป็นที่ปรึกษานายกสภาทนายความ ทำหน้าที่ให้คำแนะนำด้านสื่อสารมวลชนและประชาสัมพันธ์ของสภาทนายความมาก่อนด้วย ล่าสุดขวัญก็ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวดังกล่าวผ่านรายการคุยแซ่บShow โดยเธอเล่าให้ฟังว่า
วันนี้ต้องเรียกว่าท่านด็อกเตอร์แล้วหรือยัง ล่าสุดกำลังจะรับปริญญาเอก?
"ใช่ค่ะ วันที่ 18 นี้ แต่ขวัญว่าด็อกเตอร์พี่ๆ ไม่น่าจะเรียก น่าจะเรียกน้องขวัญเหมือนเดิม"
ไม่แน่นะเพราะว่าหลายๆคนอาจจะเรียกด็อกเตอร์ขวัญ?
"คนข้างนอกที่เขาไม่รู้จักขวัญ ถ้าคนที่เขารู้จักขวัญก็จะเรียกน้องขวัญเหมือนเดิม มันเปลี่ยนยาก"
เรียกด็อกเตอร์ขวัญจะเขินๆ มั้ย?
"ไม่หันค่ะ เพราะไม่ชิน(หัวเราะ)"
เรียนมากี่ปี ซุ่มเรียนตอนไหน?
"ประมาณ 4 ปีกว่าๆ ค่ะ เรียนตอนโควิดค่ะ"
จริงๆ ที่อยากเรียนเพราะว่า?
"เริ่มต้นคือขวัญไปลงเรียนคอร์สก่อนแล้วก็มีพี่ๆ ในนั้นแนะนำมา แล้วขวัญก็ถามคุณแม่ คุณแม่ก็ไม่ได้ห้ามแล้วก็ไม่ได้บังคับ คุณแม่บอกว่าถ้าถามคุณพ่อเรื่องเรียน คุณพ่อก็คงอยากให้เรียน พูดมาคำนี้ เรียนก็เรียน ไปเรียนในเรื่องที่เราไม่มีศาสตร์ความรู้ในเรื่องนี้เลย ค่อนข้างน้อย มันเป็นเรื่องใหม่ๆ สำหรับตัวขวัญ ไหนๆ เราก็ใช้คำว่าเรียนแล้วเราก็เลยเรียนให้มันเต็มที่ เรียนในเรื่องที่เราไม่ทราบไม่รู้น้อยที่สุดดีกว่า"
ปริญญาเอกเรียนคณะอะไร สาขาอะไร?
"รัฐประศาสนศาสตร์ เราถามรุ่นพี่ว่าแล้วมันเกี่ยวอะไร แล้วมันต่างกับรัฐศาสตร์ยังไง คือภาพมันกว้างกว่า เขาจะสอนเรื่องการบริหารทั้งในเรื่องของบุคลากร ทรัพยกรบุคคล ทรัพยากรมนุษย์ด้วย แล้วก็เรื่องการบริหารทั้งเอกชนและภาครัฐด้วย แล้วก็เรื่องบริหารการเงินเรียนครอบคลุมทุกอย่างแบบ MBA"
คนที่เรียนเกี่ยวกับคณะรัฐประศาสนศาสตร์ ศาสนศาสตร์ จะไปเล่นการเมืองหรือเปล่า?
"จริงๆ เป็นความรู้โดยกว้าง คือภาพกว้างที่เราสามารถเอาองค์ความรู้ที่เรามีมาประยุกต์กับชีวิตเราได้กับธุรกิจของเราได้ เหมือนกับเป็นระบบใหม่ที่จะทำให้เราพัฒนาชีวิตเราให้มีคุณภาพชีวิตมากขึ้น โดยที่ใช้ศาสตร์ในวิชาหลายๆศาสตร์มาประจวบด้วยกัน"
แต่ไม่ได้สนในการเมืองแน่นอน?
"คือขวัญไม่ได้มองว่าจะลงลึกในอาชีพอะไร เราจะทำตัวให้ตัวเราฉลาดขึ้น รู้อะไรมากขึ้น เพราะถึงเวลาที่เราใช้ชีวิตเราจะหยิบจับทำอะไรเราก็สามารถรู้แล้วว่าเราจะสามารถเอาความรู้ที่เรามีไปใช้ในเรื่องอะไร มันจะเป็นตรรกะโดยธรรมชาติของชีวิตเราเอง"