นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) เปิดเผยว่า วันนี้ กกร.ได้ทำหนังสือเพื่อขอเข้าพบและหารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงประเด็นค่าพลังงานไฟฟ้า เนื่องจาก กกร. มีความห่วงใยโดยเฉพาะบรรยากาศการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ เพื่อจะฟื้นฟูเศรษฐกิจในปี 2566 ทั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างเวียดนาม และอินโดนีเซีย เพราะต้องยอมรับว่าค่าพลังงานเป็นต้นทุนในการผลิตการส่งออกสินค้า
ทั้งนี้กกร.ได้ยื่นหนังสือเพื่อขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อที่ต้องการจะชี้แจงเกี่ยวกับค่าพลังงาน จากผลการประชุมสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพราะมีผลทุกภาคส่วนทั้งภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ภาคประชาชนทั่วไป โดยทำอย่างไรเพื่อให้ค่าพลังงานนั้นจะกระทบผู้ใช้ไฟฟ้าให้น้อยที่สุด แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่าทุกคนจำเป็นจะต้องปรับตัว ประหยัดการใช้ไฟฟ้า โดยกกร.ก็พร้อมที่จะนำข้อมูลที่ได้รวบรวมและวิเคราะห์จากผู้ใช้ไฟฟ้านำไปหารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์สูงสุด
“กกร.ยังไม่ได้คิดว่ากรณีเลวร้าย หรือร้ายแรง และไม่ได้ที่จะยึดติดว่าต้องการให้คงหรือลดค่าไฟฟ้า ตามความเห็นที่ออกมา แต่สิ่งที่ต้องการในตอนนี้ เข้าไปหารือและพูดคุยเพื่อหารือทางและให้ผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ส่วนจะได้เข้าหารือกับนายกเมื่อไรยังไม่ทราบเข้าใจว่าท่านมีภารกิจเยอะ แต่มั่นใจว่าน่าจะได้หารือก่อนปีใหม่นี้แน่นอน”
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะกรุณารับฟังความเห็นจากภาคเอกชน และทบทวนว่าจะมีการพิจารณาช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าได้อย่างไร และร่วมกันหาทางออกที่ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์สูงสุด เพราะต้องคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ เศรษฐกิจโดยรวม การหารือครั้งนี้ หารือเฉพาะเรื่องของค่าไฟฟ้าอย่างเดียว และขอหารือก่อนเพราะตอนนี้ไม่สามารถสรุปได้ว่าจะเป็นอย่างไร มีผลกระทบอะไรบ้าง ทั้งนี้ กกร.มีเกณฑ์การคำนวณค่าไฟ โดยพิจารณาใครใช้มากจ่ายมาก ใครใช้น้อยจ่ายน้อย
นายสนั่น กล่าวว่า สำหรับของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลมีนโยบายออกมานั้น มีประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอย่างมาก เช่น ภาษีที่ดิน ก็ลดลงมา 15% อย่างน้อยก็ช่วยเหลือเกี่ยวกับทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งขณะนี้ เอกชนก็อยู่ระหว่างการศึกษาว่าทำอย่างไรให้มีเม็ดเงินเข้ามาและดึงดูดนักลงทุน ผู้เข้ามาทำงาน จะได้รับประโยชน์ แต่สิ่งที่สำคัญคือคนไทยต้องได้ประโยชน์มากกว่า ซึ่งคาดว่าผลศึกษาเรื่องที่ดินน่าจะออกมาในช่วงต้นปี 2566
ส่วนมาตรการอื่นๆ อย่างเที่ยวด้วยกัน คิดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในต้นปี 2566 ช้อปดีมีคืนก็เป็นข่าวดีให้ประชาชนให้สามารถจับจ่ายซื้อสินค้าได้มากขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจได้ 0.5%