นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 24 ในเดือนธันวาคม 2565 ภายใต้หัวข้อ “อุตสาหกรรมไทยจะเดินต่ออย่างไร ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว” โดยสำรวจจากกลุ่มผุ้บริหารจำนวน 226 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด พบว่า
ผลกระทบของตลาดส่งออกที่ชะลอตัวลงทั้ง สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ผู้บริหาร 47.3% มองว่าจะมีผลกระทบใน “ระดับปานกลาง” เมื่อถามถึงความกังวลต่อปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 88.5% กังวลต่อต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น จากราคาพลังงาน และ การขาดแคลนวัตถุดิบ รองลงมาคือปัญหาเงินเฟ้อ และ กำลังซื้อในบางประเทศชะลอตัว
โดยจากปัจจัยกระทบดังกล่าว ทำให้ 80.5% บอกว่าต้องปรับตัวด้วยการลงค่าใช้จ่าย ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ต้นทุนต่ำลง และ เมื่อถามว่าต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือในเรื่องใด 86.3% อยากให้ดูแลราคาพลังงานและค่าไฟฟ้าให้เหมาะสม รองลงมา 63.3% ให้ปรับปรุงกฎหมาย ผ่อนคลายกฎระเบียบเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และ 50.4% ต้องการให้กระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนในประเทศ
ทั้งนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ 64.6% มองว่า การพัฒนาเศรษฐกิจตาม BCG Model จะเป็นนโยบายที่สำคัญและมีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยในอนาคต โดยจะก่อให้เกิดอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานสะอาดในการผลิตสินค้า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรผ่านอุตสาหกรรมการเกษตร ช่วยเพิ่มสินค้าใหม่ ๆ ที่ผลิตโดยใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่มีมูลค่าเพิ่มสูงให้กับประเทศ และที่สำคัญจะช่วยดึงการลงทุนเข้าประเทศได้