นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ชี้แจง การปรับค่าไฟฟ้าผันแปรหรือเอฟที ประจำงวดเดือน มกราคม – เมษายน 2566 ที่ตรึงอัตราเดิมให้แก่ ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ 4.72 บาทต่อหน่วย ขณะที่ กลุ่มอื่น อาทิ กิจการขนาดเล็ก กลางและใหญ่ โรงแรม กิจการไม่แสวงหากำไร สูบน้ำเพื่อการเกษตร ไฟฟ้าชั่วคราว ปรับขึ้นเป็น 5.69 บาทต่อหน่วย ว่า การพิจารณาค่าไฟฟ้าตามมติคณะกรรมนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ที่ต้องการดูแลค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนก่อน โดยได้จัดสรรก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยหลังโรงแยกก๊าซ นำมาใช้ผลิตไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยเป็นลำดับแรก ในปริมาณที่ไม่เพิ่มภาระอัตราค่าไฟฟ้าจากปัจจุบัน
ทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าภาคครัวเรือนต่ำลง เหลือ 2.62 บาทต่อหน่วย จากเดิม 3.61 บาทต่อหน่วย โดยคำนวนราคาก๊าซฯ ในอ่าวไทย เหลือ 238 ล้านบาทต่อล้านบีทียู แต่การคำนวนราคาก๊าซฯสำหรับภาคอื่นๆ จะอยู่ที่ 542 ล้านบาทต่อล้านบีทียู ทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าของภาคอื่นๆ อยู่ที่ 3.61 บาทต่อหน่วย จากเดิม 3.46 บาทต่อหน่วย
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า หากปีหน้า ราคาก๊าซฯยังสูง กกพ.จะพิจารณาให้ผู้ผลิตไฟฟ้าใช้เชื้อเพลิงชนิดอื่นมาผลิตไฟฟ้าแทน เช่น น้ำมันเตา หรือ น้ำมันดีเซล ซึ่งขณะนี้มีราคาถูกกว่า รวมถึงหากก๊าซฯในอ่าวไทยสามารถผลิตได้ตามเป้าหมาย เพื่อบรรเทาราคาค่าไฟฟ้าไม่ให้ปรับเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (20 ธ.ค. 2565) ได้อนุมัติมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านไฟฟ้า โดยให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน เป็นเวลา 4 เดือน คือ เดือนกันยายน - ธันวาคม 2565 โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ส่วนลด 92.04 สตางค์ต่อหน่วย สำหรับกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัย (กลุ่มเปราะบาง) ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน
กลุ่มที่ 2 ส่วนลดค่าเอฟที แบบขั้นบันไดร้อยละ 15-75 หรือ ประมาณ 10.30-51.50 สตางค์ต่อหน่วย สำหรับกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 301-500 หน่วยต่อเดือน โดยการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค คาดว่า จะต้องใช้งบประมาณดำเนินการ 6,693.31 ล้านบาท ซึ่ง ครม. เห็นชอบให้ใช้จ่ายจากงบประมาณกลางปี 2566
โดยจะเบิกจ่ายจากงบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป ซึ่งทางการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป