นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้ากับ Nation Online ว่า ตลาดหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ ประเมินกรอบแนวรับไว้ที่ 1,600 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,640 จุด
โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือตัวเลข ยอดขายบ้านมือ 2 เดือนพ.ย. จีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐฯ รอบสุดท้าย และตัวเลขรายได้ส่วนบุคคล และค่าใช้จ่ายการบริโภคสหรัฐ ส่วนของไทยเป็นการแถลงตัวเลขส่งออกเดือนพ.ย. ว่าจะหดตัวลงหรือไม่ หลังจากเดือนต.ค.หดตัวครั้งแรกในรอบ 20 เดือน
รวมถึงโครงการช้อปดีมีคืน เราเที่ยวด้วยกันจะเข้าครม.สัปดาห์หน้านี้หรือไม่ ซึ่งหากได้รับการอนุมัติจะส่งผลดีต่อหุ้นค้าปลีก โรงแรม สายการบิน และร้านอาหาร
ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้น Selective Buy เน้น 4 กลุ่ม
1. กลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งในระยะสั้นได้ประโยชน์จากทั้ง เงินบาทแข็ง, Bond yield ลง, ต้นทุนพลังงานลง (BGRIM, GPSC, GULF, RATCH, EGCO) ทั้งนี้ ประเมิน RATCH มีลุ้นถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไป
2. กลุ่ม Big ticket retailers เพื่อเก็งมาตรการช้อปดีมีคืนที่จะออกมาในช่วงต้นปีหน้า (HMPRO, ILM, COM7) ทั้งนี้ ประเมิน COM7 มีลุ้นถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไป
3. กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เพื่อเก็งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี + จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าสู่ช่วง High season (AAV, BA, CENTEL, ERW, PTG, OR)
มองกลุ่มสายการบินได้ Sentiment เชิงบวกระยะสั้นจากเงินบาทที่แข็งค่า ส่วน CENTEL ประเมินว่ามีลุ้นถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไป
4. กลุ่มบริหารหนี้ (BAM, JMT, CHAYO, KCC) ซึ่งเข้าสู่ช่วง High season ในไตรมาส 4 + การซื้อหนี้ผ่านจุดต่ำสุด มอง BAM ผ่านช่วง Overhang จากประเด็น MSCI เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวกับ Nation Online ว่า แนวโน้มสัปดาห์หน้าแกว่งออกข้างประเมินกรอบไว้ที่ 1,610-1,650 จุด โดยปัจจัยที่ต้องเกาะติดคือ มาตรการของขวัญปีใหม่จากรัฐบาล ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงสถานการณ์โควิดในจีน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านใหม่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนพ.ย.และจีดีพีไตรมาส 3/65
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่การประชุม BOJ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนธ.ค. ของจีน รวมถึงจีดีพีไตรมาส 3/65 ของอังกฤษ
ด้านกลยุทธ์เน้นหุ้นปันผลติดพอร์ต เริ่มจากหุ้นอสังหาริมทรัพย์ เช่น AP ,ORI หุ้นธนาคารพาณิชย์ เช่น BBL ,KKP หุ้นโรงไฟฟ้า เช่น EGCO, RATCH