รายงานข่าวจากฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า เงินบาทสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 34.70-35.45 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือยอดขายบ้านมือ 2 เดือนพ.ย. จีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐฯ รอบสุดท้าย และตัวเลขรายได้ส่วนบุคคล และค่าใช้จ่ายการบริโภคสหรัฐ ส่วนชองไทยติดตามการแถลงตัวเลขส่งออกเดือนพ.ย.
สำหรับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาค 1 ธ.ค.-16 ธ.ค. พบว่า ดอง-เวียดนามแข็งค่ามากสุด 4.9% รองลงมาคือหยวน-จีน 1.80% เปโซ-ฟิลิปปินส์ 1.6 %บาท-ไทย 0.8 % วอน-เกาหลีใต้ 0.7% รูเปียห์-อินโดนีเซีย 0.7%ดอลลาร์-ไต้หวัน 0.5 % ริงกิต-มาเลเซีย 0.4%ดอลลาร์-สิงคโปร์ 0.4% ยกเว้น รูปี-อินเดียอ่อนค่า 1.7%
สาเหตุที่สกุลเงินในภูมิภาคแข็งค่าเป็นผลมาจากตัวเลข เงินฟ้อสหรัฐฯ เดือนพ.ย.อยู่ที่ 7.1% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ 7.3% ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดชะลอเร่งขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า โดยตลาดมองว่าจุดสิ้นสุดการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดปีหน้าจะอยู่ที่ 5-5.25% จากสิ้นปีนี้ดอกเบี้ยสหรัฐฯ อยู่ที่ 4.25-4.5%
สำหรับดอกเบี้ยของไทยปีหน้ามองว่าจะขยับขึ้น 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายไทยอยู่ที่ระดับ 1.75% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.25% หลังจากนั้นตรึงดอกเบี้ยยาว เนื่องจากตลาดมีความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ส่วนท่องเที่ยวในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 10 ล้านคน ปีหน้าจะอยู่ที่ 22.7 ล้านคน หลังจีนผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มสกัดโควิด โดยมองว่าท่องเที่ยวจะกลับเข้ามาเท่าก่อนโควิดต้องใช้เวลาอาจเป็นปี 67-68 ขณะที่ส่งออกปีนี้โต 7.5% ปีหน้า 3.5%
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.-15 ธ.ค.ที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 8,109 ล้านบาท พันธบัตรซื้อสุทธิ 44,478 ล้านบาท