นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึง ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ1,625.91 จุด บวก 2.78 จุด หรือ0.17 % โดยระหว่างวันดัชนีเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ 1,633.07 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,621.41 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 55,072.71 ล้านบาทว่า
ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดีดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% เช่น PTTEP บวก 2.1%
รวมถึงหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ คือ DTAC บวก 3.6% TRUE บวก 2.2% หลังจากศาลหลังศาลปกครองยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวของสภาองค์กรผู้บริโภคสำหรับตลาดหุ้นเอเชียมีทั้งบวกและลบสลับกัน โดยหุ้นอินโดนีเซียบวก 1.1% ฮ่องกงบวก 0.7% รับผลบวกจากจีนปลดล็อกพื้นที่คุมโควิด
ด้านมูลค่าการซื้อขายวันนี้พบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,063.22 ล้านบาท บัญชีบล.ขายสุทธิ258.42ล้านบาท ต่างประเทศขายสุทธิ 32.25 ล้านบาท ในประเทศขายสุทธิ 772.55ล้านบาท
ส่วนปัจจัยที่ติดตามคือนักลงทุนรอประกาศตัวเลข CPI สหรัฐฯคืนนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 7.3% YOY จากเดือนต.ค.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 7.7% หากสูงกว่าคาด จากข้อมูลในอดีต ดัชนี S&P500 ร่วง 3-4% แต่ในทางตรงกันข้ามหากต่ำกว่าคาด ดัชนี S&P500 บวก 2-5% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยบวก 0.7-1%
นอกจากนี้รอติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดคาดขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ธนาคารกลางยุโรปหรืออีซีบีขึ้นดอกเบี้ย 0.5% และธนาคารกลางอังกฤษหรือบีโออีขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ 3 ธนาคารดังกล่าวคาดว่าจะทำให้เงินบาทผันผวนในกรอบจำกัด
ส่วนแนวโน้มพรุ่งนี้แกว่งซึม ประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,610-1,630 จุด หากตัวเลข CPI สหรัฐฯ ต่ำกว่าคาดมีโอกาสที่ดัชนีแตะ 1,650 จุด กลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นได้ประโยชน์จากจีนคลายล็อกดาวน์พื้นที่โควิด เริ่มจาก CBG (FV@B 114) SCGP (FV@B65) MAJOR ([email protected]) รับผลบวกจากภาพยนตร์อวตารเข้าฉายทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น