svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

จับตาจีนเปิดประเทศ ดันราคาทองคำพุ่ง ?

12 ธันวาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกเสี่ยงถดถอยในปีหน้า เงินเฟ้อพุ่งต่อเนื่อง แล้วราคาทองคำจะไปในทิศทางไหนเมื่อจีนเปิดประเทศ  วิเคราะห์โดย  ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร "ฮั่วเซ่งเฮง" 

ราคาทองคำในปีนี้แม้ว่าในช่วงต้นปีจะได้รับปัจจัยหนุนจากสงครามในยูเครน จนส่งผลต่อความกังวลว่าจะกระทบและขยายเป็นวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ในด้านสงครามไม่ได้ขยายเป็นวงกว้างเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่กระทบอันเป็นผลจากสงคราม นั่นคือ ราคาพลังงานและอาหารพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลต่ออัตราเฟ้อที่พุ่งสูงในหลายประเทศทั่วโลก

การที่จะดึงอัตราเงินเฟ้อที่กำลังพุ่งสูงอยู่ขณะนี้ คือการที่ธนาคารกลางแต่ละประเทศต่าง ๆ เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว 3.75% แล้วในปีนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในขณะนี้อยู่ที่ระดับ 4%

ทั้งนี้มีแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุมสุดท้ายของปีนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดสู่ระดับ 4.50% ณ สิ้นปีนี้ การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ผ่านมานั้นได้ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น จนกดดันตลาดทองคำ และด้วยการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วและรุนแรงกว่าประเทศอื่น ๆ เช่น ยุโรป ยิ่งส่งผลให้ช่องว่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐและยุโรปยิ่งห่างกัน

นอกจากนี้ส่งผลให้ธนาคารกลางยุโรปต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อลดช่องว่างให้แคบลงมากขึ้น และแก้ไขเงินเฟ้อที่พุ่งสูงเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของยุโรปก็ยังน้อยกว่าสหรัฐ ขณะที่ทางด้านจีนดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาย ซึ่งสวนทางกับสหรัฐ จึงยิ่งส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่ามากกว่าประเทศอื่น ๆ มากขึ้น

จับตาจีนเปิดประเทศ ดันราคาทองคำพุ่ง ?

เอาล่ะที่นี้ เรามาพูดถึงกันว่า แล้วเศรษฐกิจโลก อัตราเงินเฟ้อในปี 2566 จะเป็นอย่างไรต่อ ซึ่งประเด็นดังกล่าวมีการพูดถึงอย่างแพร่หลายเป็นอย่างมาก ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ขณะที่ก็มีสัญญาณภาวะ Inverted yield curve ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในอนาคต ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงพุ่งสูง แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวลงของเงินเฟ้อตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 ที่ได้สะท้อนว่าเงินเฟ้ออาจผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว ส่งผลต่อการคาดการณ์ว่า

ในปี 2566 นั้นว่าการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หรือตรึงอัตราดอกเบี้ยระดับสูงไว้ช่วงระยะหนึ่ง จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในปี 2566 ชะลอตัวลงมากขึ้น แล้วจริงหรือ? ที่อัตราเงินเฟ้อในปี 2566 จะชะลอตัวลงตามนั้น

อย่าลืมว่า ! อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงที่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ไม่ใช่เพียงสงครามเท่านั้น แต่คือการเปิดประเทศของจีน เราจะเห็นว่าตลอดทั้งปีนี้ เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จนส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลง แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จีนยังไม่ได้มีการเปิดประเทศ

โดยจีนยังยึดนโยบาย Zero-Covid อย่างเคร่งครัด จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของชาวจีน และเศรษฐกิจจีน จนนำมาสู่การประท้วง จนคาดการณ์ว่า โอกาสที่จีนจะเปิดประเทศเร็วขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้เกิดการฟื้นตัวในจีน และจะหนุนราคาโภคภัณฑ์ทั่วโลก ซึ่งจะนำมาสู่อัตราเงินเฟ้อที่อาจจะยังทรงตัวสูงขึ้นในระดับสูงอยู่

ทั้งนี้ข้อมูลบลูมเบิร์ก อิโคโนมิกส์คาดว่าหากจีนเปิดเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบภายในกลางปีหน้า ราคาพลังงานก็จะมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น 20% ขณะที่ราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นในปี 2566 ซึ่งอาจมาจากความกังวลของภาวะเศรษฐกิจมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ดอลลาร์ชะลอการแข็งค่า อัตราเงินเฟ้อ และสงคราม

ราคาทองคำเริ่มปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำได้ทะลุเส้น SMA 200 วัน ที่ 1,790 ดอลลาร์ และปิดตลาดเหนือเส้น SMA 200 วันดังกล่าว ส่งสัญญาณแรงซื้อที่เริ่มเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง

ซึ่งคาดการณ์ว่าในช่วงต้นสัปดาห์หน้าราคาทองคำยังคงทรงตัวยืนเหนือระดับเส้น SMA 200 วัน และมีโอกาสที่จะปรับตัวทะลุ 1,800 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตามในช่วงต้นสัปดาห์ราคาทองคำอาจไม่ปรับขึ้นแบบรุนแรงมากนัก เนื่องจากตลาดยังคงรอการประชุมเฟดในช่วงกลางสัปดาห์ อย่างไรก็ตามภายหลังการประชุมของเฟด ราคาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหว Sideways up

ส่วนสัปดาห์นี้ติดตามการประชุมเฟดในวันที่ 13-14 ธ.ค. ซึ่งคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.5% มาสู่ระดับ 4.25%-4.50% นอกจากนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน จากเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 7.3% เมื่อเทียบรายปี จาก 7.7% เมื่อเทียบรายปี

ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์กเดือนธ.ค. ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนธ.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนี PMI ภาคผลิตและภาคบริการเดือนธ.ค.

ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่  1,770 ดอลลาร์ และ 1,760 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,820 ดอลลาร์ และ 1,840 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 29,200 บาท และ 29,000 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 29,700 บาท และ 29,800 บาท

Gold Bullish

- ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย

-  ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ได้แก่ รัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ สหรัฐและจีน จีนและไต้หวัน

-  แนวโน้มทางด้านปัจจัยเทคนิคเป็นขาขึ้น

 

Gold Bearish

-  ธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.

-   การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น

-  เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น

logoline