“ราคาทองคำ” ร่วงหนัก 3 สัปดาห์ติด-เข้าซื้อช่วงไหนดี !

นายวรุต รุ่งขํา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด เปิดเผยถึงทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์หน้ากับ  NATION Online ว่า  ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่งหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5%  แม้ว่าเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง คาดว่าสิ้นปีดอกเบี้ยเฟดแตะที่ระดับ 0.25-0.5%  

แต่ในปีหน้าคาดว่าจะขึ้นไปทีระดับ 4.75-5% หรือ 5-5.25%  ซึ่งนักลงทุนรอดูว่าเศรษฐกิจสหรัฐปีหน้าจะเป็นอย่างไร และต้องรอดูมุมมองของเฟดด้วยว่า กังวลในเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากน้อยแค่ไหน 

นอกจากนี้นักลงทุนมีความกังวลในเรื่องการแพร่ระบาดโควิดในจีนที่หนักขึ้นอาจทำให้จีนชะลอการเปิดประเทศ  ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดถูกบิดเบือนจากความเป็นจริงส่งผลให้หุ้นขนาดใหญ่ของจีนปรับตัวลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จะทำให้เงินหยวนอ่อนค่า เงินดอลลาร์แข็งกดทองคำร่วง  ดังนั้นต้องติดตามดูว่ารัฐบาลจีนจะให้มีการตรวจเชื้อใหม่หรือไม่  ซึ่งทำให้ตลาดเอเชียเกิดความผันผวน  

ขณะเดียวกันเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาต่างประเทศปรับขึ้น 44 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่เงินบาทที่แข็ง 0.95 สต.ต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ทองคำแท่งปรับตัวลง 100 บาท   

สำหรับการแข็งค่าเงินบาทมาจากท่าทีของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ที่ค่อยทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และแนวโน้มส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อ จึงเป็นปัจจัยหนุนส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น เห็นจากเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามาเก็งกำไร ในตลาดหุ้นไทย  

ทั้งนี้มองว่าทองคำแกว่งไซด์เวย์  ระหว่างรอผลประชุมเฟด  ซึ่งเป็นช่วงที่ดีที่นักลงทุนควรปรับพอร์ตก่อนการประชุม เพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากเฟดอาจส่งสัญญาณด้านลบต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน  ถ้าเฟดส่งสัญญาณจะทำให้ราคาทองคำแกว่งหรือสวิงได้   

“ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลง ควรเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัว และทยอยขายทำกำไรออกไปบางส่วนหากราคาดีดปรับตัวขึ้น เน้นการเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากมีปัจจัยแวดล้อมต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งด้านบวกและด้านลบ ซึ่งเชื่อว่าหากเฟดขึ้นดอกเบี้ยปลายปีทองคำจะปรับตัวลงบ้างแต่ไม่มากนัก เพราะทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจ “  

ขณะเดียวกันไม่ควรไล่ซื้อทองคำ รอจังหวะย่อตัวก่อนถึงเข้าซื้อเก็งกำไร  โดยให้แนวรับแรกที่ 1,786 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ราคาทองแท่งอยู่ที่ 29,400 บาท  แนวรับถัดไปที่ 1,765 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ราคาทองแท่งอยู่ที่ 29,050 บาท  ถ้าหลุด 1,765   ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ให้ตัดขาดทุนก่อน และดูสถานการณ์ต่างประเทศและปัจจัยแวดล้อมอีกครั้ง 

ซึ่งในทางตรงกันข้ามหากราคาปรับขึ้นให้ขาย ประเมินแนวต้านแรกที่ 1,807 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ราคาทองแท่งอยู่ที่ 29,750 บาท แนวต้านถัดไปที่ 1,824   ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ราคาทองแท่งอยู่ที่ 30,050 บาท