ผู้ถือหุ้น MORE โวย โบรกเกอร์ ระงับจ่ายเงินค่าขายหุ้น 200 ล้าน
ผู้ถือหุ้น MORE โวย หลังโบรกเกอร์ระงับจ่ายเงินค่าขายหุ้น 200 ล้าน รับแพนิก เห็นออร์เดอร์ขายในช่วงเปิดตลาด (ATO) จำต้องขายหุ้นเพื่อหนีตาย ขณะ บล.คิงส์ฟอร์ด ผิดนัดชำระค่า 300 ล้านบาท แต่ยันไม่กระทบธุรกิจ
จากกรณีหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ในช่วงวันที่ 10 และ 11 พ.ย.2565 ที่ผ่านมา ถูกเทขาย ออกมาจำนวน 1,500 ล้านหุ้น โดยมีมูลค่าประมาณ 4.5 พันล้านบาท เป็นผลให้ราคาหุ้นร่วงติดฟลอร์ 2 วัน สร้างความตื่นตระหนกอย่างมากในตลาดหุ้นไทย ทำให้หลายหน่วยงานต้องเข้ามาดูแล และตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และวันนี้ (14 พ.ย.) ตลาดหลักทรัพย์ ได้ประชุม และมีมติให้ขึ้นเครื่อง SP เพื่อหยุดการซื้อขาย เพื่อลดผลกระทบการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น
นางสาว จิระวรรณ ไชยพงศ์ผาติ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 10 หุ้น ของบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ตน ตัดสินใจเทขายหุ้น MORE ที่ถืออยู่ทั้งหมด 85 ล้านหุ้น หรือคืดเป็นสัดส่วน 1.3% ออกมาทั้งหมดในช่วงระหว่างวันที่ 10-11 พ.ย.2565 หลังจากเห็นการตั้งออเดอร์ ราคา ATO จำนวน 1,500 ล้านหุ้น ทำให้เเพนิก จึงเทขายหุ้นที่ถืออยู่ออกทั้งหมด
สำหรับหุ้น MORE ที่เทขาย จำนวน 85 ล้านหุ้น มีมูลค่ารวมประมาณ 200 ล้านบาท และในวันนี้ (14 พ.ย.65) ตน ต้องได้รับการชำระค่าขายหุ้นทั้งหมด แต่ปรากฎว่า โบรกเกอร์ที่ใช้บริการอยู่ได้ติดต่อมาบอกว่า ไม่สามารถเคลียริ่งได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างตรวจสอบธุรกรรมอยู่ ซึ่งจะแล้วเสร็จในวันที่ 18 พ.ย.นี้
นางสาว จิระวรรณ บอกด้วยว่า ตน ถือหุ้น MORE ตั้งแต่ยังเป็น บริษัท ดีเอ็นเอ จำกัด (มหาชน) เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน หรือตั้งแต่ราคา 0.2 บาท มีขายทำกำไรบ้าง แต่ซื้อจน เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 10 ซึ่งโดยส่วนตัว รู้จักผู้บริหาร แค่ นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ หรือ “เฮียม๊อ” เท่านั้น และครั้งล่าสุดที่เจอคือการประชุมผู้ถือหุ้น
ส่วนคนชื่อ นายอภิมุข บำรุงวงศ์ หรือ ปิงปอง และ นายเอกภัทร พรประภา หรือ นายคิม โดยส่วนตัวไม่รู้จัก
นอกจากนี้ นางสาวจิระวรรณ ยังกล่าวด้วยว่า กลุ่มตน ยังได้เข้าไปใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้น MORE ที่ราคา 2 บาท จำนวน 50 ล้านหุ้น ซึ่งวันที่ 14 พ.ย. ต้องเข้าทำการซื้อขายในตลาดหุ้น แต่เจอสถานการณ์แบบนี้ ที่ไม่รู้ว่าจะเปิดทำการซื้อขายแล้วราคาจะ Floor อีกไหม จึงอยากได้ความชัดเจนจากตลาดหลักทรัพย์ในเรื่องนี้ด้วย
นางสาวจิระวรรณ กล่าวอีกว่า วันที่ 10 พ.ย. 2565 ตนเห็นรายการซื้อขายช่วง ATO ก็ตื่นตระหนกเหมือนคนอื่น จึงต้องขายหุ้น MORE เพื่อหนีตาย เพราะไม่รู้สาเหตุเกิดอะไรขึ้น ซึ่งตนลงทุนหลายโบรกเกอร์ แต่ที่ลงทุนกับโบรกเกอร์ ที่ใหญ่สุด คือ บล.ดาโอ เป็นบัญชี cash ดังนั้นจึงอยากถามว่า ทำไหมถึงระงับการจ่ายเงินตามเคลียริ่ง ที่ควรจะต้องจ่าย เพราะตนได้รับความเดือดร้อนเหมือนกัน ซึ่งจะมีการไปพบ ผู้บริหารโบรกเกอร์ เพื่อสอบถามเรื่องนี้
นอกจากนี้หลายโบรกเกอร์ ทีมีการซื้อขายหุ้น MORE ต่างออกมาให้ความเห็นในทิศทางเดียวกันถึงฐานะการเงิน ที่ไม่ได้รับกละทบจากการขายหุ้น MORE แม้ว่า โบรกเกอร์ บางรายผิดนัดชำระค่าหุ้น MORE
อ่านข่าวที่กี่ยวข้อง >>
เปิดปฏิบัติการ "เฮีย ม.- เฮีย ป." รุกฆาตหุ้น MORE สะเทือนตลาดทุน
ผ่าปฏิบัติการถล่มหุ้น MORE ป่วนวงการตลาดทุนหนัก
โดย บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุว่า ยอดที่ผิดนัดชำระราคาประมาณ 300 ล้านบาท นั้น ไม่มีผลต่อการดำเนินกิจการ โดยรายการที่เกิดขึ้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงานรัฐ รวมถึง ปปง. ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าวอาจเข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดย บริษัทจะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐอย่างเต็มความสามารถ และคัดค้านการกระทำในลักษณะดังกล่าวอย่างถึงที่สุด
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (DAOL SEC ) ได้ชี้แจงว่า การส่งคำสั่งซื้อหุ้นตัวเดียวจากหลาย โบรกเกอร์ในมูลค่าที่สูง ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพฤติกรรมที่ไม่ปกติ และ ไม่เคยเกิดขึ้นในการซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศไทยมาก่อน ดังนั้น จึงเป็นธุรกรรมที่ต้องสงสัย และทางบริษัทได้ดำเนินการตรวจสอบ และหารือหน่วยงานทางการที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ทาง บล.ดาโอ ได้ทำการชำระค่าหุ้นกับสำนักหักบัญชี (TCH) เรียบร้อย ตามขั้นตอนปกติ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่กระทบกับความมั่นคงทางการเงินของบริษัท และ ขอยืนยันว่าบริษัทมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง และมี NCR หรืออัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ มากเพียงพอในการประกอบธุรกิจ
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า
ขอเรียนให้ทราบว่าธุรกรรมการซื้อขายหุ้น MORE ของลูกค้าของบริษัทฯ ในระหว่างวันที่ 10 และ 11 พฤศจิกายน 2565 ไม่มีผลกระทบใดๆ กับการดำเนินงานและการให้บริการของบริษัทฯ และจนถึงปัจจุบันยังไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับบริษัทฯ
รวมถึง บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) หรือ UOBKHST แจ้งว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวจากการตรวจสอบ ธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าว เนื่องจาก ามีปริมาณการซื้อขายหุ้น MORE ต่ำมากจนไม่มีนัยสำคัญใดๆ ต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ ได้มีการติดตามเฝ้าระวัง และกำชับผู้แนะนำการลงทุนของบริษัทฯให้ระมัดระวังการซื้อขายหลักทรัพย์ และ ขอให้นักลงทุนมั่นใจว่าทางบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
