svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

เปิดปฏิบัติการ "เฮีย ม.- เฮีย ป." รุกฆาตหุ้น MORE สะเทือนตลาดทุน

14 พฤศจิกายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ปฏิบัติการ "เฮีย ม.- เฮีย ป." รุกฆาต หุ้น MORE สะเทือนตลาดทุน ผู้ถือหุ้นใหญ่ปัดเอี่ยวราคาดิ่ง ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ สั่งหยุดพักการซื้อขาย (SP) มีผลวันนี้ (14 พ.ย.)

ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ถือว่า เป็น ทอล์กออฟเดอะทาวน์ ในตลาดหุ้นไทย หลังจากเกิดปฎิบัติเทขายถล่มหุ้น  MORE จำนวน 1.5 พันล้านหุ้น มูลค่าการซื้อขาย 4.5 พันล้าน จนทำให้ตลาดหลักทรัพย์ ประชุมด่วนเพื่อหารือว่า จำเป็นต้องหยุดพักการซื้อขายหรือไม่ เพื่อป้องกันผลกระทบ

วันนี้ (14 พ.ย.) ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีคำสั่งหยุดพักการซื้อขาย (SP)หลักทรัพย์ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) (MORE) ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป หลังจากราคาหุ้นปรับลดลง จากข่าวที่คลาดเคลื่อนอาจทำให้เกิดความสับสน และอาจกระทบต่อสภาพการซื้อขาย และการตัดสินใจซื้อหรือขายของผู้ลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ

หากย้อนดูการซื้อขายที่เป็นเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในวันที่ 10 พ.ย. 2565 หุ้น   MORE มีการตั้งคำสั่งซื้อเปิดตลาด (ATO)ที่ราคา 2.90 บาท มีปริมาณการซื้อขายที่  1,531.77 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 4,442.13 ล้านบาท ก่อนจะถูก ถล่มเทขาย ราคาหุ้นร่วงติดฟลอร์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 11.30 น. และ ราคาหุ้นร่วงติดฟลอร์ ต่อเนื่องมาถึงวันที่ 11 พ.ย. 2565  ตั้งแต่เปิดการซื้อขาย โดยราคาอยู่ที่  1.37 บาท 
 

ประเด็นที่ถูกตั้งคำถามคือ การซื้อขายในจำนวนหุ้น 1,500 ล้านหุ้น ใคร เป็นคนซื้อ และใครเป็นคนขาย เนื่องจาก มูลค่าการซื้อขายประมาณ  4.5 พันล้าน ซึ่งต้องยอมรับเป็นการถือว่าที่ผิดปกติอย่างมาก เนื่องจากเป็นการซื้อขายผ่านกระดาน ล็อตใหญ่ เพราะ ปกติ หากว่ามีการซื้อขายจำนวนหุ้น ล็อตใหญ่ ขนาดนี้ จะเป็นการขายผ่าน Big lot มากกว่า

จากการตรวจสอบพบว่า คำสั่งซื้อก่อนเปิดตลาด ( ATO)ที่ 2.90 บาท มาจากบัญชีคนเดียวกันคือ นาย ป. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 อันดับแรกของบริษัท มอร์ รีเทิร์น ขณะที่คำสั่งขายพบว่า มาจาก เสี่ย ม. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท มอร์ รีเทิร์น เช่นกัน 

แหล่งข่าว จากโบรกเกอร์ ระบุว่า วันที่  11 พ.ย. ที่ผ่านมา ตัวแทนโบรกเกอร์ ได้เข้าหารือ กับ สำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อร่วมหาทางออก และให้คำสั่งซื้อดังกล่าวเป็น โมฆะ เพราะเห็นว่า หุ้น MORE มีการซื้อขายที่ผิดปกติ ซึ่ง AI ของตลาดหลักทรัพย์ฯ น่าจะตรวจจับได้ แต่ทางกลต. มองว่า เป็นความประมาทเลินเล่อของโบรกเกอร์ หากทำให้รายการเป็น โฆฆะ จะส่งกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายอื่นๆด้วย  
 

แหล่งข่าว จากโบรกเกอร์ ยังระบุด้วยว่า เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะไม่เคยมีใครที่จะคิดปล้นกลางแดดแบบนี้ และ เท่าที่ดู นาย ป.ไม่สามารถชำระค่าหุ้น 4,500 ล้านบาทได้ภายในวันเดียว

ดังนั้นในวันนี้ (14 พ.ย.) จะครบกำหนดการชำระเงินครบดีล T+2 ซึ่งหาก นาย ป. ซึ่งเป็นคนคีย์ซื้อหุ้น ไม่สามารถชำระเงินค่าหุ้นได้ ภาระการจ่ายเงินทั้งหมดโบรกเกอร์ที่ต้องเป็นผู้จ่ายเงิน แทนให้กับ เฮีย ม. ซึ่งเป็นคนขาย โดยฎิบัติการนี้จึงไม่ต่างกับการปล้นเงินโบรกเกอร์ และหากปล่อยให้การเคลียร์ริ่งเกิดขึ้น จะสร้างความเสียหาย เกินกว่าที่จะคาดการณ์ได้  และ เชื่อว่าจะคงมีหลายโบรกถึงขั้นเสี่ยงล้มละลาย  

อย่างไรก็ตามการซื้อขาย จำนวนเงินมหาศาลนี้ จะสำเร็จไมได้ ถ้าไม่ทำกันเป็นขบวนการโดยมีการตั้งข้อสังเกตุว่า การกระทำดังกล่าว น่าจะเกิดจากกลุ่มของ เฮีย ม. และ นาย ป.ร่วมมือกัน 

กระบวนการทั้งหมดเริ่มต้นของ เฮีย ม. ที่สั่งการให้ นาย ป. ซึ่งเคยเป็นมาร์เก็ตติ้งโบรกเอร์แห่งหนึ่งที่ดูแลหุ้น MORE ไปไล่เปิดพอร์ตลงทุน กับ โบรกเกอร์หลายแห่ง ทั้งพอร์ตบัญชีเงินสด (Cash Balance)และบัญชีมาร์จิ้น  (Margin)  ด้วยการใช้วิธีนำหุ้นในพอร์ตของบริษัทอื่นมาค้ำประกัน 

แต่ส่วนใหญ่หุ้นในพอร์ต ก็จะเป็น หุ้น  MORE เป็นหลักเพื่อต้องการเปิดวงเงินระดับสูง 300-500 ล้านบาท หลังจากนั้นก็ไล่ราคาหุ้น MORE จากที่ระดับราคา 0.30 บาท จนขึ้นมาเกือบ 3 บาท ก่อนที่ทุบหุ้นร่วงติดฟลอร์

ทั้งนี้จากการตรวจสอบ พบชื่อ “นาย ป.”เป็นคน คีย์ คำสั่งซื้อ หุ้น MORE เพียงคนเดียวไปที่โบรกเกอร์ ประมาณ 14 -20 บริษัท ขณะที่ คน คีย์ คำสั่งขายมาจาก 2 โบรกเกอร์รายใหญ่ ที่คาดว่า จะเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ ของ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE   

สำหรับ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ถือหุ้นในสัดส่วน  23.69%  ซึ่ง “มอร์ รีเทิร์น”เดิมคือ บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA เคยมีข่าวฉาวโฉ่เกี่ยวกับการฉ้อโกงบิตคอยน์จากนักธุรกิจต่างประเทศ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อใหม่พร้อมปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2562  มาเป็น บริษัท มอร์ รีเทิร์น (MORE)ในปัจจุบัน  
 

"เฮียม๊อ" ปัดขายหุ้น MORE ยันถือครบ 1.5 พันล้านหุ้น

ขณะที่ นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ (เฮียม๊อ) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ1 บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ออกมาเปิดเผยว่า ไม่ได้ ขายหุ้น MORE และ ยังคงถือหุ้นครบ ทั้งจำนวนกว่า 1,500 ล้านหุ้น  ขณะที่ ผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 3-5  ก็ไม่ได้ขายหุ้นเช่นกัน 

เฮียม๊อ กล่าวว่า ผู้ที่ขายหุ้นออกจำนวน 1,500 ล้านหุ้นนั้น  คาดว่า เป็นกลุ่มนักลงทุนระยะสั้นที่ นายอภิมุข บำรุงวงศ์  เป็นผู้ชักชวนเข้ามาลงทุน และถือหุ้นไม่ถึง 1 ปี โดยหากว่ากลุ่มนักลงทุนดังกล่าวต้องการจะขาย นายอภิมุข ก็จะเป็นผู้รับซื้อ 
 

นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ หรือ เฮียม๊อ

สำหรับกรณีที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในปัจจุบัน ส่วนตัวเชื่อว่า ถ้า นายอภิมุข เป็นผู้ไปรับซื้อจากนักลงทุนที่เขาชวนมาลงทุน กรณีนี้ก็ไม่แปลกใจ เพราะ นายอภิมุข ก็เคยทำแบบนี้มาแล้ว 

แหล่งข่าวใกล้ชิด นายอภิมุข บำรุงวงศ์ ผู้ถือหุ้นอันดับ 4 บริษัทมอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น นายอภิมุข ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง แต่เป็นทีมที่ดูแลพอร์ตการลงทุนให้กับ นายอภิมุข เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งนายอภิมุข อยู่ระหว่างขอให้ทีมที่ดูแลพอร์ตการลงทุน มาอธิบายว่า เกิดอะไรขึ้น

แหล่งข่าวบอกด้วยว่า นายอภิมุข ก็ตกใจว่า เกิดอะไรขึ้น จากที่เป็นเศรษฐี กลับกลายเป็นหนี้ระดับพันล้านในเวลาแค่ข้ามคืน และยืนยันว่า นายอภิมุข ยังอยู่ในประเทศไทย ไม่ได้หนีออกนอกประเทศตามที่มีสื่อบางแห่งนำเสนอข่าวออกไป  
 

โบรกเกอร์ เสี่ยงล้มละลาย ปม  "หุ้น  MORE"4.5พันล้าน 

นอกจากนี้จากการตรวจสอบข้อมูลบริษัทหลักทรัพย์ ที่อาจจะได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว ประกอบด้วย  

  • บล.กรุงศรี  มูลค่า  1,000 ล้านบาท
  • บล.เกียรตินาคิน ภัทร  มูลค่า 700 ล้านบาท
  • บล.ดาโอ  มูลค่า 600 ล้านบาท  
  • บล.เอเซีย เวลท์   มูลค่า 100 ล้านบาท
  • บล.คิงส์ฟอร์ด มูลค่า 300 ล้านบาท

และ บล.อื่นๆ ยังไม่กล้าเปิดเผยตัวเลข เพราะ เกรงกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

 
 ปปง.สั่งโบรก สอบธุรกรรม‘หุ้น MORE’ก่อนพิจารณาความผิด

ขณะที่ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับผู้เสียหายในหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ว่า จากการร่วมรับฟังการหารือในที่ประชุม บริษัทโบรกเกอร์ ยืนยันว่า เมื่อวัน 10 พ.ย. มีธุรกรรมที่ผิดปกติ จึงขอทำการตรวจสอบธุรกรรมที่เกี่ยวกับหุ้น MORE ซึ่งในรายละเอียดการตรวจจะต้องให้แต่ละบริษัทไปดำเนินการก่อน

โดยให้หลักการ ว่า ลูกค้า ที่บริสุทธิ์ ไม่มีธุรกรรมที่ผิดปกติ ก็จะต้องดูแล เพราะมีการซื้อขายหุ้นจำนวนมากทั้งรายใหญ่ และรายย่อย อาจจะมีผลกระทบโดยรวมต่อตลาดหลักทรัพย์ได้ จึงต้องพยายามระมัดระวังและดูแลลูกค้าก่อน ส่วนความเสียหายค่อยเอาไว้ทีหลัง 

ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นดำเนินคดี เพราะยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบหลังจากพบธุรกรรมที่ผิดปกติ ก็จะต้องตรวจสอบก่อนว่า ผิดปกติจริงหรือไม่ ซึ่งโบรกเกอร์ต่างๆ และแยกย้ายกันไปตรวจสอบลูกค้าของตัวเอง


โครงสร้างผู้ถือหุ้น "มอร์ รีเทิร์น" 

สำหรับผู้ถือหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE  มีดังนี้

  • 1.นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ 1,547 ,200,165 หุ้น หรือ 23.69%
  • 2.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 886,525,028 หุ้น หรือ 13.57%
  • 3.นายศิริศักดิ์ ปิยทัสสีกุล 742,862,800 หุ้น หรือ 11.37%
  • 4.นายอภิมุข บำรุงวงศ์  586,778,233 หุ้น หรือ 8.98%
  • 5.นาย วสันต์ จาวลา 431,989,100 หุ้น หรือ 6.61%
  • 6.นาย สามารถ ฉั่วศิริพัฒนา 279,000,065 หุ้น หรือ 4.27%
  • 7.UOB KAY HIAN PRIVATE LIMITED 193,747,000 หุ้น หรือ  2.97%
  • 8.น.ส. อรเก้า ไกยสิทธิ์136,114,700 หุ้น หรือ 2.08%
  • 9.นาย เอกภัทร พรประภา 122,118,400 หุ้น หรือ 1.87%
  • 10.น.ส. จิระวรรณ ไชยพงศ์ผาติ 85,134,000 หุ้น หรือ 1.30% 

 
ขอบคุณข้อมูล : ฐานเศรษฐกิจ, กรุงเทพธุกิจ
 

logoline