svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อัปเดตสถานการณ์

พ.ต.อ.ภาคภูมิ เปิดใจ ปมเหตุดับเครื่องชน “บิ๊กโจ๊ก” คดีสินบนทองคำ

พ.ต.อ.ภาคภูมิ เปิดใจ ปมเหตุดับเครื่องชน “บิ๊กโจ๊ก” คดีสินบนทองคำ เพื่อให้ลูกน้องพ้นบ่วงกรรม ทรยศอีก 40 ครั้ง ก็ไม่ลังเล ชี้ละครฉากนี้ใกล้จบแล้ว

31 ธันวาคม 2568 จากกรณีทีมพนักงานสืบสวนสอบสวน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นำโดย บก.ปปป. ได้ขอหมายค้นต่อศาลอาญา เพื่อเข้าตรวจค้นรวม 11 จุด ในพื้นที่ กทม.และ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจยึดพยานหลักฐานที่มีความเชื่อมโยงกับคดีที่ พ.ต.อ. ภ คนดัง ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.ว่า พล.ต.อ. อดีตบิ๊กตำรวจ นายหนึ่ง ใช้ให้ พ.ต.อ. ภ นำสินบนทองคำ น้ำหนักประมาณ 246 บาท มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ไปให้ นาย อ. กรรมการองค์กรอิสระคนหนึ่ง เพื่อวิ่งเต้นคดีให้พ้นจากความผิด คดีที่เส้นเงินคนใกล้ชิดไปโยงเกี่ยวกับเว็บการพนันออนไลน์

 

ล่าสุด พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย อดีตรองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 และอดีตลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก อดีตรองผบ.ตร. ออกมาเปิดใจชี้แจงว่า การออกมาเปิดหน้าในวันนี้ พร้อมนำหลักฐานมาให้กับทางตำรวจ เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมาก แต่ด้วยเหตุผลหลายๆ เรื่อง ที่เห็นน้องๆ ต่างได้รับความเดือดร้อน เพราะถูกบังคับให้รับผิดแทน ทำให้ครอบครัวของเขาได้รับผลกระทบและได้รับความลำบาก พร้อมทั้งมีการพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงในคลิปที่นำไปมอบให้กับตำรวจ เพื่อให้ตัวผมเองเป็นผู้กระทำความผิด รวมถึงคลิปในคดีอื่นๆ หลายๆคดี ที่พี่ๆน้องๆ ในตำรวจที่ต้องถูกดำเนินคดีด้วยกันต้องแบกรับในสิ่งที่เขาไม่ได้กระทำ มีผลต่อครอบครัว จึงเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ออกมาในวันนี้

พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย

 

เมื่อถามว่า จากกระแสข่าวที่ออกมาว่า การเปิดหน้าหรือยอมออกมาให้ข้อมูลในวันนี้ เพื่อแลกกับการกลับมารับราชการในอาชีพตำรวจอีกครั้ง พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า ถ้าจำได้ ตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ ตนเองเคยทำหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาตนเองออกจากราชการ เพราะตอนนั้นยังอยู่ในราชการอยู่ เพื่อให้ตนออกมาต่อสู้ ในฐานะประชาชนคนหนึ่งได้อย่างเต็มตัว แต่ติดที่ตนเองมีคดีวินัย ซึ่งเป็นคดีอาญา ไม่สามารถลาออกได้ ก่อนจะถูกไล่ออกออกจากราชการ ถ้าสังเกตที่ผ่านมาตนไม่เคยออกไปเรียกร้องที่ไหนเลย มีแต่ต่อสู้ไปทั้งคดีอาญาและคดีวินัย เพื่อให้ได้กลับเข้ามารับราชการ ไปฟ้องร้องอะไรต่างๆ คนที่มีพฤติกรรมนั้นท่านคงเห็นอยู่แล้วว่าเป็นใคร“

 

ส่วนกรณีที่มีลูกน้อง เคยถูกทำร้ายนั้น พันตำรวจเอกภาคภูมิ กล่าวว่า เรื่องนี้คนที่ถูกกระทำเช่นนั้น คงเข้าไปให้การแล้ว ส่วนตัวไม่ขอเปิดเผย เพราะว่าตอนนี้พยานในคดีต่างๆ ถูกรบกวน มันเป็นอันตรายหรือทำให้เสียรูปคดี แต่ตนเองขอยืนยันว่าเคยเห็นบางเหตุการณ์และมีพยานอื่นๆ เห็นในบางเหตุการณ์จริง ยืนยันมีการทำร้ายจริงๆ

 

“วันนี้น้องๆ หลายๆ คนก็กลัว ที่ผ่านมาไม่กล้าออกมากัน แต่วันนี้ผมตัดสินใจออกมา ก็เพราะสงสารน้องๆ เหล่านั้น ผมเอาชนะความกลัวด้วยความกล้า จะเอาชนะความเท็จด้วยความจริง ต่อสู้อย่างเปิดเผย เพื่อเอาชนะวิธีสกปรก และในวันที่ผมเดินออกมา ผมรู้อยู่แล้ว ว่าต้องเผชิญอะไร ต้องเจอกับอะไร มันรู้วิธีการกันอยู่

พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย

 

“ก่อนหน้านี้ 2 วัน ก็มีการพยายามติดต่อมาทางคนที่รู้จักกับผมว่าอยากคุยด้วย อยากพบเจอ พอเราตัดขาดการติดต่อไป ก็เริ่มมีไอโอเข้ามาทำลายพ่อแม่ผม ครอบครัวผม แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เกินความคาดหมาย ว่าผมจะต้องเจอ แต่ถ้าวันนี้ผมไม่ออกมาพูดความจริง ขบวนการนี้และวิธีการนี้ก็ยังคงอยู่ ก็ยังทำลายคนอยู่ตลอดเวลา”พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าว

 

พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ขายนาย แต่ถ้ามันต้องทำเพื่อน้องๆ เพื่อตำรวจส่วนรวม เพื่อองค์กร ถ้าจะต้องถูกว่าหรือถูกกล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่ขายนาย หรือทรยศหักหลังอะไรก็ตาม ถ้าการพูดความจริงแล้วมันทำให้คนอื่นได้รับความเป็นธรรม หรือให้หลุดพ้นจากบ่วงกรรมต่างๆ ที่ต้องทนรับมาเป็นเวลา 10 ปี ให้ทรยศอีก 40 ครั้ง ตนเองก็ไม่ลังเล

 

ส่วนความปลอดภัยของน้องๆ ที่ออกมาในวันนี้ บางคนได้รับการดูแลคุ้มครองแล้ว แต่สำหรับตน ตนไม่กลัว และไม่มีอะไรจะพูดถึงท่าน แต่ถ้าต้องพูด ก็อยากจะบอกว่า

 

“ท่านคงรู้ว่าสิ่งไหนจริงหรือสิ่งไหนเท็จ ผมว่าละครเรื่องนี้ฉากใกล้จะจบแล้ว สุดท้ายมันหนีความจริงไม่พ้น”

 

เมื่อถามว่า คิดอย่างไรที่บิ๊กโจ๊ก ออกมาบอกว่าเสียความรู้สึกนั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิ บอกว่า ไม่ได้โกรธท่าน และยังเคารพท่าน ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา สิ่งที่ท่านเคยสนับสนุนต่างๆ ยังรำลึกในบุญคุณของท่าน แต่ก็ต้องแยกแยะ และท่านต้องทราบว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนทำอะไรได้ให้ท่านบ้าง ในผลงานที่ท่านพูดถึง มีคดีไหนหรือเรื่องไหน ที่ตนเองไม่ได้ทำ ต้องแยกแยะระหว่างบุญคุณกับความถูกต้อง

 

ส่วนรายละเอียดทางคดี หรือเอกสารต่างๆ ที่นำมามอบให้กับทางตำรวจ ขอให้รอแถลงใหญ่ในวันที่ 5 มกราคม 2569 นี้ ซึ่งคดีอยู่ในระหว่างกระบวนการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะมีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุต่างๆ ที่จะต้องรวบรวม โดยตอนนี้มันมีกระบวนการเข้าไปข่มขู่พยานและทำลายพยานหลักฐานต่างๆ จะทำให้การทำงานของพนักงานสืบสวนสอบสวนเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่หลังจากวันที่ 5 มกราคม 2569 นี้ จะมีความชัดเจนทั้งหมด ยืนยันว่าไม่ต้องห่วง เพราะความจริงจะต้องถูกเปิดเผย รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่าง บิ๊กโจ๊ก กับ ป.ป.ช. ด้วย

 

มั่นใจว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริงและสามารถเอาผิดได้แน่นอน ส่วนคดีเว็บพนัน ซึ่งเป็นคดีเก่า เชื่อว่าตำรวจกำลังหาความจริง แต่ไม่ได้เชื่อมโยงกับคดีทอง เป็นคนละกรรม ตนเองมีหน้าที่นำพยานหลักฐานข้อเท็จจริงที่รู้และเห็นไปให้กับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งให้เจ้าหน้าที่ทำงานกันก่อน คาดว่าไม่ต่ำกว่า 2 เดือน