
13 พฤศจิกายน 2568 จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลาง จังหวัดอุทัยธานี สิงห์บุรี และพระนครศรีอยุธยา ค่อนข้างหนักเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีพายุเข้าหลายลูก ส่งผลให้เขื่อนภูมิพล ต้องระบายน้ำออกอย่างต่อเนื่อง
โดยอีกหนึ่งพื้นที่รับน้ำ และจะได้รับผลกระทบจากนี้ คือ จ.นนทบุรี โดยทางเทศบาลนครนนทบุรี ได้เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์น้ำ
ผู้สื่อข่าวได้สำรวจพื้นที่เปราะบาง เสี่ยงน้ำท่วม ทั้งในพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ อย่างเทศบาลนครนนทบุรี และสถานที่ราชการเลียบริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และชุมชนหมู่บ้านที่ติดริมน้ำ ตลอดจนเกาะเกร็ด ที่กลายเป็นพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบทุกปี เนื่องจากเป็นเกาะที่ต้องรับน้ำถึง 3 สาย
โดยที่บริเวณในพื้นที่เทศบาลนครเมืองนนทบุรี ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาค่อนข้างสูงมาก ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำ เซาะเข้าไปในท่อระบายน้ำของเทศบาลฯ จนต้องน้ำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ สูบน้ำออกจากท่อระบายน้ำ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้มีการว่างกระสอบทรายเป็นแนวกั้นน้ำ 2 ชั้น เนื่องจากเมื่อ 2 วันก่อน มีมวลน้ำมหาศาล ที่ถูกปล่อยออกจากเขื่อนภูมิพล ส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่าเรือ และเทศบาลฯ จนต้องวางแนวกระสอบทรายกั้นถึง 2 ชั้น
ส่วนพื้นที่ราชการ อาทิ จวนผู้ว่า บ้านพักข้าราชการ ที่ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา และอยู่ด้านหลังเรือนจำกลางบางขวาง ได้มีการนำแบริเออร์ปูน ผ้ายางพลาสติกขนาดใหญ่ และกระสอบทรายมาว่างเป็นแนวคันกั้นน้ำด้วยเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินเข้าไปสำรวจบ้านเรือนประชาชน ที่อยู่ใกล้กลับสะพานพระนั่งเกล้า พบว่า บ้านของชาวบ้านในพื้นที่ บางหลังถูกน้ำท่วม และลดระดับลงแล้ว แต่ยังคงเหลือไม้กระดานที่เปียกชุ่มไว้ให้เห็น ในขณะที่บางหลังมีการเตรียมยกของขึ้นที่สูงไว้แล้ว
ป้าลำพัน เล่าว่า มีบ้านติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทุกปีก็ทำใจไว้แล้วว่าต้องถูกน้ำท่วม แต่ปีนี้สถานการณ์น้ำค่อนข้างหนัก เพราะน้ำขึ้นนาน และไม่ยอมลด ทำให้ชาวบ้านต้องอยู่กับน้ำนานมากขึ้น ก็เข้าใจว่าปีนี้พายุเข้าหลายลูก จึงต้องมีการผันน้ำออกจากเขื่อน ตอนนี้อาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ที่กังวลคือ แรงคลื่นของน้ำที่เกิดจากการวิ่งเรือด่วน ส่งผลให้ตะปูที่ยึดกับไม้ทางเดินหลุดออก จึงอยากขอความเห็นใจ ให้ช่วยลดความเร็วลง เพื่อลดผลกระทบที่เกิดกับคนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ที่ เกาะเกร็ด เป็นสถานที่ ที่น้ำท่วมทุกปี เนื่องจากเป็นเกาะที่อยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ต้องรับมวลน้ำถึง 3 สาย ประกอบด้วย น้ำเหนือ ที่ที่ถูกระบายออกมาจากเขื่อน และน้ำทะเลที่หนุน ส่งผลให้ทุกปีพื้นที่นี้จะถูกน้ำท่วมทุกครั้ง โดยต้องบอกว่าสถานการณ์น้ำท่วมที่เกาะเกร็ดนั้นคือ 100% ท่วมมานานกว่า 1 เดือนแล้ว โดยชาวบ้านในพื้นที่กว่า 1,600 หลังคาเรือน ยังอาศัยอยู่ในบ้าน ศูนย์พักพิง ที่มีการจัดไว้ให้ แม้ว่าเกาะเกร็ดจะถูกน้ำท่วมทุกปีก็ตาม แต่สถานการณ์น้ำในปีนี้ ค่อนข้างคาดการณ์ลำบาก ปกติน้ำขึ้นแล้วก็จะลดลง แต่ปีนี้น้ำมาช้า และคาดการณ์ได้ลำบากมาก เกาะเกร็ดจะเป็นสถานที่ที่น้ำท่วม แต่ลดทีหลัง ซึ่งปีนี้แม่ค้าแม่ขายฟื้นตัวลำบาก เพราะน้ำท่วมก็ไม่ได้รับการเยียวยา การค้าขายก็ไม่ได้ดี ประกอบกับสถานการณ์ชายแดน และเศรษฐกิจ ปีนี้อาจจะส่งผลให้ชาวเกาะเกร็ดฟื้นตัวยากขึ้น
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังสังเกตเห็นว่า ในพื้นที่เอกชน หรือบ้านเรือนประชาชน ที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนใหญ่มีการเตรียมรับมือกับมวลน้ำที่จะไหนเข้าพื้นที่ในระดับหนึ่งแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเตรียมการในลักษณะของการสร้างคันกั้นน้ำให้มีความสูงเพิ่มขึ้น และย้ายข้าวของโดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าขึ้นที่สูงเป็นบางส่วนแล้ว