
13 พฤศจิกายน 2568 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลาประมาณ 03.00 น. ที่ผ่านมา พบว่ามีฝนตกต่อเนื่องและตกหนักในหลายเขต โดยเฉพาะเขตปทุมวัน ซึ่งมีปริมาณฝนสูงสุดถึง 111 มิลลิเมตร รองลงมาคือ เขตราชเทวี 97 มม. ป้อมปราบศัตรูพ่าย 92 มม. ห้วยขวาง 82 มม. พญาไท 80 มม. และพระนคร 78 มม.
โดยฝนตกหนักเมื่อคืนนี้ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน และฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยช่วงกลางดึกมีรายงานน้ำท่วมขังรวม 57 จุด ในถนนสายหลักและย่านเศรษฐกิจ เช่น พระราม 4 พระราม 3 คลองเตย และบริเวณโดยรอบย่านรัชดาภิเษก – ประชาสงเคราะห์ – ศาลาแดง – ราชดำริ
เช้าวันนี้ (13 พ.ย. 68) กรุงเทพมหานครได้เร่งระบายน้ำ โดยใช้สถานีสูบน้ำและเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ในจุดวิกฤต ทำให้ระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว
จากนั้น ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ลงพื้นที่ถนนประชาสุข เขตดินแดง เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมขัง โดยพบขยะจำนวนมากถูกน้ำฝนพัดมากองอุดตันท่อระบายน้ำ บริเวณถนนประชาสุข และพื้นที่เชื่อมต่อซอยย่อย ส่งผลให้การระบายน้ำบางจุดล่าช้าและเกิดน้ำท่วมขังชั่วคราว จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการแก้ไข
รวมทั้งลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในถนนรัชดาภิเษก บริเวณหน้าศาลอาญารัชดา เจ้าหน้าที่รายงานว่าระดับน้ำในพื้นที่รัชดา–ลาดพร้าวได้ลดลงแล้วเกือบทั้งหมด เหลือเพียงน้ำขังเล็กน้อยในบางเลนขาเข้าเมือง โดยอุโมงค์รัชโยธินสามารถเปิดให้รถสัญจรได้ตามปกติ เหลือเพียงเลนซ้ายสุดที่ยังมีน้ำขังบางส่วน
“สาเหตุของน้ำท่วมครั้งนี้เกิดจากฝนตกหนักในระยะเวลาสั้น ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำเหนือหรือระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยระบบสูบน้ำและสถานีระบายน้ำทุกแห่งได้ทำงานเต็มกำลัง ทำให้น้ำลดลงอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง ทั้งนี้ กทม. อยู่ระหว่างเร่งดำเนินโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำบริเวณถนนรัชดาภิเษก เชื่อมต่อคลองลาดพร้าว ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในแนวถนนรัชดาภิเษก และป้องกันน้ำท่วมขังซ้ำซากในพื้นที่ชั้นใน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2569 ” ผู้ว่าฯชัชชาติ กล่าว