25 เมษายน 2568 ความคืบหน้าคดีตึก สตง.ถล่ม ในความรับผิดชอบของตำรวจนครบาล ภายหลัง ผบช.น.ได้สั่งการให้เร่งรัดการดำเนินคดี รวมถึงรวบรวมพยาน และสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยในวันนี้มีการประชุมตั้งแต่เช้า ของคณะทำงานติดตามคดี รวมทั้งมีการนัดหมายกับ สตง. ให้นำเอกสารเกี่ยวกับการแก้ไขแบบตัวจริง เอกสารลงลายมือชื่อของวิศวกร และผู้ที่เกี่ยวข้อง มามอบให้กับพนักงานสอบสวน
คณะพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งทีมพนักงานสอบสวนไปที่ สตง. เพื่อสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง และติดตามเอกสารที่ยังไม่ได้รับ ตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งทาง สตง. สามารถยื่นเอกสารหลักฐานประกอบคดีให้กับพนักงานสอบสวนได้ในทันที ทั้งในส่วนที่ สตง. มาแจ้งความก่อนหน้านี้ และในช่วงเย็น ทางพนักงานสอบสวนจะกลับมารายงานผลการสอบสวนว่า สอบเพิ่มไปกี่ราย มีรายละเอียดและมีอะไรคืบหน้าบ้าง เพื่อรวบรวมกับการสอบปากคำของจุดที่เกิดเหตุ ก่อนสรุปผลให้ผู้บังคับบัญชา
ส่วนในกรณี นายปฏิวัติ ศิริไทย ผู้ถือหุ้นใหญ่ ของ บริษัท พีเอ็นซิงค์โครไนซ์ จำกัด 1 ในกิจการร่วมค้า PKW ที่ สตง.จ้างควบคุมงานก่อสร้าง ที่พนักงานสอบสวนให้ไปรวบรวมเอกสารเพิ่มเติม เพื่อนำกลับมาให้เจ้าหน้าที่นั้น เบื้องต้นนัดไว้ในช่วงสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตาม วันนี้มีการประชุมติดตามเร่งรัดในหลายประเด็น โดยยังมุ่งเน้นไปที่การเก็บหลักฐาน และการส่งหลักฐานไปตรวจพิสูจน์ ซึ่งจะเน้นไปในเรื่องของเอกสารหลักฐาน เนื่องจากมีจำนวนมาก และเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งเรายังได้เอกสารไม่ครบ จึงต้องส่งพนักงานสอบสวนไปหาที่ สตง. เลย ทาง สตง. จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนำเอกสารมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ที่ สน.บางซื่อ
ขณะเดียวกัน ที่ สน.บางซื่อ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อยื่นหลักฐานเพิ่มเติมเอาผิด นายปฏิวัติ ศิริไทย CEO ผู้ถือหุ้นใหญ่ กิจการร่วมค้า PKW ตามสัญญาจ้างของอาคาร สตง. กับพวก ที่ได้รับการว่าจ้างให้เป็นวิศวกรที่ปรึกษา สำนักงาน สตง. โดยพบว่าไม่มีคุณสมบัติเหมาะสม พร้อมเร่งรัดให้ตำรวจออกหมายจับ ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งเป็นเอกสารเกี่ยวกับบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา ในการก่อสร้างอาคารตึก สตง. ซึ่งพบความผิดปกติ ที่ส่อการทุจริตในการก่อสร้าง และจะเดินหน้าดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนได้ประสานมายัง พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และผู้กำกับ สน.บางซื่อ เพื่อที่จะนำหลักฐานซึ่งเป็นเอกสาร หลังจากที่ตนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดี กับบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา 3 บริษัทคือ บริษัท พี เอ็น ซิงโครไนส์ จำกัด , บริษัท ว. และ สหาย คอนซัลแตนตส์ จำกัด และ เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนเม้นจ์ จำกัด ซึ่งวันนี้ตนจะเข้ามาให้ปากคำและให้หลักฐาน ที่ตนไปรวบรวมมาเพิ่มเติม เกี่ยวกับบริษัท พี เอ็น ซิงโครไนส์ จำกัด ซึ่งมีนายปฏิวัติ ศิริไทย เป็นตัวการใหญ่ ในการฮั้วประมูล กับตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นหน้าห้องของประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
หลักฐานที่นำมายื่นในวันนี้ เป็นการยืนยันว่าบริษัท พี เอ็น ซิงโครไนส์ จำกัด ไม่มีคุณสมบัติ เป็นที่ปรึกษา เนื่องจากหนังสือบริคณห์สนธิ ในการรับเป็นวิศวกรที่ปรึกษาของอาคาร สตง. ไม่ได้มีระบุว่า เป็นวิศวกรที่ปรึกษา ซึ่งต่อมาหลังได้รับการว่าจ้างจาก สำนักงาน สตง. นายปฏิวัติ ได้ไปยื่นแก้ไขหนังสือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2566 หลังจากที่ได้มีการเซ็นสัญญารับเป็นวิศวกรที่ปรึกษาแล้ว พร้อมทั้งได้มีการเพิ่มเนื้อหา ว่าเป็นบริษัทรับจ้างที่ปรึกษา และ รับกิจการที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง ประกอบกิจการวางแผนควบคุมงาน
ผู้ว่าฯ สตง. ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน รวมถึงคณะกรรมการคัดเลือก ถือว่ามีความผิดตามมาตรา 157 ทุกคน ตนจะเดินหน้าดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่มีส่วนตั้งแต่เซ็นสัญญาว่าจ้างบริษัทดังกล่าว ฐานเป็นเจ้าพนักงานประพฤติมิชอบทั้งหมด
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า นอกจากนี้ นายปฏิวัติ ยังอ้างหนังสือผู้ควบคุมงานก่อสร้าง จากสภาวิศวกร พร้อมทั้งได้จดเป็นนิติบุคคล ซึ่งพอมาเป็นกิจการร่วมค้า ถือว่า สำนักงาน สตง. ไม่ได้จ้างบริษัทดังกล่าวในฐานะนิติบุคคล และไม่มีคุณสมบัติที่จะมาเป็นวิศวกรที่ปรึกษา เพราะบริษัทนี้ ไม่มีวุฒิโยธา ทั้งนายปฏิวัติฯและพวกก็เป็นเพียงสามัญวิศวกร
นี่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะ ขอให้มีการออกหมายจับ นายปฏิวัติและพวก ที่อยู่ในรายชื่อของวิศวกรที่ปรึกษาทั้งหมด ซึ่งเบื้องต้นตนเชื่อว่าทาง บช.น. ได้เตรียมการไว้หมดแล้ว ในการดำเนินคดีกับนายปฏิวัติ เพราะได้มีการเรียกเข้ามาสอบปากคำ 2 ครั้งแล้ว แต่นายปฏิวัติอ้างว่า มีเอกสารที่ต้องเตรียมยื่นชี้แจงเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ตนทราบว่า ที่ผ่านมา สตง. ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับตำรวจเท่าที่ควร ที่จะเข้ามายื่นหลักฐานเกี่ยวกับบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา ซึ่งเชื่อว่าไม่มีจริง เนื่องจากมีเรื่องของการปลอมแปลงลายเซ็นวิศวกรด้วย ตนจึงต้องการมาเร่งรัด เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ได้ภายในสัปดาห์หน้า" นายอัจฉริยะ กล่าว