svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ศึกสายเลือด “นพดล” ฟ้อง “ณฤมล-คนึงนิตย์” ยักยอก เสียหาย 1.6 พันล.

ศึกสายเลือด ตระกูลธรรมวัฒนะ “นพดล” ลุยยื่นฟ้อง “ณฤมล-คนึงนิตย์” เป็นผู้จัดการมรดก ร่วมกันยักยอกทรัพย์ที่ดิน 30 โฉนด เรียกค่าเสียหายกว่า 1.6 พัน ศาลนัดไต่สวน 28 เม.ย.นี้

เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2568 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายนพดล ธรรมวัฒนะ ในฐานะผู้จัดการมรดกนางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ (เจ้ามรดก) และผู้รับมอบอำนาจจากนางมัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน เดินทางมาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางณฤมล ธรรมวัฒนะ และ นางสาวคนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ เป็นจำเลยที่ 1 -2 ต่อศาลอาญาในข้อหาและฐานความผิดเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันยักยอกทรัพย์มรดก มูลค่า  1,641,197,970 บาท (หนึ่งพันหกร้อยสี่สิบเอ็ดล้านหนึ่งแสนเก้าหมื่นเจ็ดพันเก้าร้อยเจ็ดสิบบาท)
 

สำหรับคดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องสรุปว่าเดิมนายนพดล นางมัลลิการ์ นางณฤมล และนางสาวคนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน แต่ต่อมานางณฤมล ได้ยื่นขอลาออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกร่วม และศาลมีคำสั่งอนุญาต 
ศึกสายเลือด “นพดล” ฟ้อง “ณฤมล-คนึงนิตย์” ยักยอก เสียหาย 1.6 พันล.

การจัดการมรดกของนางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ ผู้ตาย (เจ้ามรดก) ซึ่งได้ระบุไว้ในพินัยกรรมถึงจำนวนทายาทที่มีสิทธิรับมรดก รายการทรัพย์ที่ระบุให้ทายาท รวมถึงวิธีการจัดการทรัพย์มรดก ซึ่งถูกระบุไว้ในพินัยกรรม และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ก็คือการจัดการทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม ฉบับลงวันที่ 15 มี.ค. 2531 ระบุว่า

“ข้อ 3.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง( ตลาดยิ่งเจริญ )รวมทั้งสองฝากฝั่งคลองถนน เมื่อข้าพเจ้าถึงแก่กรรม ให้ผู้จัดการมรดกโอนใส่ชื่อไว้ และจัดการปลูกสร้างดัดแปลงแล้วเก็บผลประโยชน์ไว้เป็นกองกลาง เพื่อแบ่งปันแก่ทายาทตามพินัยกรรม ข้อ 1 อันดับที่ 1-9 

เมื่อถึงเวลาอันสมควร ให้ผู้จัดการมรดกจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด ชื่อว่า บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เรียกว่า ตลาดยิ่งเจริญ เข้าเป็นทุนของบริษัท และให้ทายาทตามพินัยกรรม ข้อ 1 อันดับที่ 1-9  เป็นผู้ถือหุ้น ห้ามโอนทรัพย์สินให้บุคคลอื่นในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ของผู้ถือหุ้น ถ้าผู้ใดละเมิดข้อห้ามให้ตกเป็นของผู้ถือหุ้นที่ไม่ละเมิดข้อห้ามโอนตามส่วนเฉลี่ย เว้นแต่ผู้ถือหุ้นคนใดจะขายหุ้นจะต้องขายให้แก่ผู้ถือหุ้นที่เป็นทายาทด้วยกันเท่านั้นในราคาตลาด แต่ถ้าหากว่าทายาทผู้ถือหุ้นไม่ยอมรับซื้อ โอนหุ้นให้บริษัทสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด เป็นผู้รับซื้อหุ้นดังกล่าว
ศึกสายเลือด “นพดล” ฟ้อง “ณฤมล-คนึงนิตย์” ยักยอก เสียหาย 1.6 พันล.
นายนพดล และนางมัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ ผู้ตาย (เจ้ามรดก) ตรวจสอบพบว่า อดีตผู้จัดการมรดก คือนางณฤมล ธรรมวัฒนะ และผู้จัดการมรดก คือนางสาวคนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ ซึ่งนางณฤมล นอกจากจะเป็นอดีตผู้จัดการมรดกของนางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ (เจ้ามรดก) แล้วยังเป็นกรรมการ และเป็นผู้ถือหุ้น ของบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด อีกด้วย บุคคลทั้งสองร่วมกันยักยอกเอาที่ดินมรดกของนางสุวพีร์ (เจ้ามรดก) ซึ่งยกให้กับบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด เพื่อเป็นทุนของบริษัทฯ จำนวน 30 โฉนด ตามข้อกำหนดในพินัยกรรม แต่บุคคลทั้งสองได้บังอาจเบียดบังยักยอกทรัพย์มรดกของบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด ที่บุคคลทั้งสองมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ เฉกเช่นเดียวกับทายาทคนอื่นๆ ซึ่งทายาททุกๆคนต่างรู้ดีว่าเป็นเพียงผู้ครอบครองกรรมสิทธิแทนเท่านั้น และทายาททุกคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องโอนที่ดินทั้ง 30 โฉนด คืนให้กับ บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด 

แต่บุคลทั้งสองร่วมมือร่วมใจกันกระทำความผิด ทั้งต่อหน้าที่ของตน และหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากศาลให้เป็นผู้จัดการมรดก ของนางสุวพีร์ (เจ้ามรดก) เอาที่ดินของบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด ไปโอนขายให้ บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด อันเป็นการเบียดบังยักยอกเงินจนบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด ได้รับความเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้น 1,641,197,970 บาท (หนึ่งพันหกร้องสี่สิบเอ็ดล้านหนึ่งแสนเก้าหมื่นเจ็ดพันเก้าร้อยเจ็ดสิบบาท)

บุคคลทั้งสองร่วมกันขายที่ดินกองมรดก ส่วนที่พินัยกรรมระบุไว้โดยแจ้งชัด ยกให้เป็นทุนของบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด แต่กลับโอนขายใช้หนี้ตัวเอง ส่วนที่เหลือจากการหักกลบลบหนี้ นำไปให้บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด กู้ยืม คิดดอกเบี้ยในราคาตลาด ตามสัญญากู้ยืมเงินระหว่างกัน การกระทำความผิดต่างๆ ที่บุคคลทั้งสองร่วมมือกันนั้น เกิดขึ้นอย่างสะดวกโดยไม่มีใครตรวจสอบ เพราะบุคคลทั้งสองต่างเป็นผู้ถือหุ้น และเป็นกรรมการ บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทฯ ได้

นายนพดล และนางมัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ ในฐานะผู้จัดการมรดกมีอำนาจหน้าที่จัดการมรดกให้เป็นไปตามข้อกำหนดในพินัยกรรม อันเป็นเจตนารมณ์ และคำสั่งเสียของเจ้ามรดก  ที่ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกทุกคนต้องปฏิบัติตาม ซึ่งนายนพดล และนางมัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ ได้ปฏิบัติ ตามโดยการโอนที่ดินทั้ง 30 โฉนด คืนให้แก่บริษัท สุวพีร์  ธรรมวัฒนะ จำกัด ตั้งแต่ปี 2546และทายาทคนอื่น ๆ เช่น นายปริญญา ธรรมวัฒนะ นายวิกรม นายเอกธนัส ซึ่งเป็นทายาทนายเทอดชัย ธรรมวัฒนะ ต่างก็โอนคืนให้แก่บริษัท สุวพีร์  ธรรมวัฒนะ จำกัด ด้วยกันทั้งหมด ยกเว้นจำเลยทั้งสองที่โอนขายให้แก่บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด และเบียดบังเอาเงินนั้นมาใช้เพื่อประโยชน์ของจำเลยทั้งสองเอง อันเป็นความผิดฐานผู้จัดการมรดกยักยอกทรัพย์

นายนพดล กล่าวภายหลังยื่นฟ้องว่า คดีนี้มีหลักฐานชัดเจนที่จำเลยเอาหลักฐานเป็นที่ดิน มี่ครอบครองแทนของบริษัท สุวพีร์ โดยเอาที่ดินดังกล่าวไปขายให้บริษัท สุวพีร์ ซึ่งมีสัญญาโอนซื้อขายที่กรมที่ดินอย่างชัดเจน ซึ่งหลักฐานในส่วนนี้ชัดเจน และขณะที่ทำจำเลยก็เป็นผู้จัดการมรดกด้วย และกระทำความผิดทั้งปิดบังมาเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งตนเพิ่งตรวจสอบพบ เพราะว่าที่ดินมรดกในฐานะผู้จัดการมรดกจะต้องจัดการให้เป็นไปตามพินัยกรรม คำสั่งในพินัยกรรมสั่งไว้ชัดเจนว่าห้ามยกพินัยกรรม และทรัพย์สินดังกล่าวให้กับตลาดยิ่งเจริญ แต่ก็ถูกเบียดบังให้ไปเป็นของจำเลย กับโดนเอาไปจำหน่าย ทั้งที่จำเลยมีสัญญายอมกับนายปริญญาในปี 2558 และในสัญญายอมก็ระบุไว้อยู่แล้วว่า ที่ดินของตลาดยิ่งเจริญยังไม่ได้ทำการโอนให้กับทางตลาด ซึ่งจะต้องคืนให้กับบริษัท สุวพีร์ แต่จำเลยกับเบียดบังเอาเงินไปเป็นของตนเอง

นายนพดล กล่าวต่อมาว่า ศาลมีคำสั่งรับคดีนี้เป็นคดีอาญา หมายเลขดำที่ 663/2568 และนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 28 เม.ย และตนเตรียมพยานไว้ไต่สวนจำนวนหลายปาก และหนึ่งในนั้นก็มีตนอยู่ด้วย และจากพยานหลักฐานทั้งหมด ตนมั่นใจว่าศาลจะมีคำสั่งรับฟ้องคดีนี้ และในพินัยกรรมก็เขียนไว้อย่างชัดเจน ว่าที่ดืนยกให้กับตลาดยิ่งเจริญ จะนำไปทำอย่างอื่นไม่ได้ ตนฟ้องเรียกมูลค่าความเสียหายจำนวน 1,641 ล้านบาทตามมูลค่าความเสียหายจริง

“เรื่องนี้บริษัทฯ อ่วม รับหนี้ทั้งหมด ทั้งหนี้กู้ยืมสถาบันการเงิน และหนี้จากการทุจริตของบุคคลทั้งสอง ในปัจจุบันบุคคลทั้งสองมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด  เพราะข้อมูลในทางบัญชีนอกจากบุคคลทั้งสองจะขายที่ดินของบริษัท สุวพีร์ธรรมวัฒนะ จำกัด ให้แก่บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด แล้วบุคคลทั้งสองยังทุจริตนำเงิน ที่เบียดบังยักยอกทรัพย์ที่เหลือจากการตีใช้หนี้บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด มาให้บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด  กู้ยืมเงิน และคิดดอกเบี้ย  เมื่อตรวจสอบข้อมูลทางบัญชีแล้วพบว่าบุคคลทั้งสองมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด  อยู่ประมาณ 400 ล้านบาทเศษ  บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด ต้องชำระดอกเบี้ยให้แก่บุคคลทั้งสอง และบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด  ยังต้องชำระดอกเบี้ยให้แก่ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) จนถึงปัจจุบัน”

ศึกสายเลือด “นพดล” ฟ้อง “ณฤมล-คนึงนิตย์” ยักยอก เสียหาย 1.6 พันล.