15 กุมภาพันธ์ 2568 คดีสะเทือนขวัญ ฆ่ายกครัว 3 ศพ พ่อแม่ลูก นำร่างหมกในรถกระบะ จอดทิ้งพื้นที่ จ.กำแพงเพชร โดยมีผู้มาพบศพเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา โดยผลการชันสูตรพบว่าทั้ง 3 ศพ ถูกยิงที่ศีรษะ ประกอบด้วย
จากการสอบปากคำทั้ง 3 คน หายไปจากบ้านพักตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา นับรวมได้ 1 เดือนเต็มๆก่อนมาพบศพ
แม้ว่าในตอนแรกหลายคนสงสัย นายศิริชัย หรือ โป๊งเหน่ง น้องชายของ แจง หนึ่งในผู้เสียชีวิต เนื่องจากเย็นวันเดียวกัน(13ก.พ.2568) นายศิริชัย เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ และเปิดเผยถึงแชตปริศนา ช่วงเวลาก่อนที่พี่สาวหายตัวไป มีข้อความส่งมาทางโทรศัพท์ 2 ข้อความ สั้นๆ ซึ่งไม่ใช่เบอร์ของพี่สาว แม้ว่าจะลบข้อความไปแล้ว แต่น้องชายของผู้เสียชีวิตจำได้บางคำ อาทิ เดี๋ยวกลับมานะ , เดี๋ยวมาเอาโทรศัพท์หรือเดี๋ยวได้โทรศัพท์เดี๋ยวกลับมา , มารอ (แต่ก็ไม่รู้ว่ามารออะไร)
โดยน้องชายผู้เสียชีวิต เผยถึงความผิดปกติว่า จากข้อความไม่น่าจะใช่พี่สาวเป็นคนพิมพ์เพราะใช้คำไม่เหมือนกัน เช่น ปกติจะเรียกลูกชายว่า “น้อง” ตลอด แต่ในข้อความกลับใช้คำว่า “ไอ้อ้วน” และไม่เคยเรียกสามีว่า “มัน” แต่ในข้อความใช้คำว่า “มัน”
ลักษณะพยายามทำตัวให้เป็นพี่สาวพิมพ์ แต่ไม่เนียน รวมทั้งการทำเรื่องลาเรียนให้กับน้องซันเดย์ก่อนหายตัว
จากข้อความที่ไม่ปะติดปะต่อที่นำมาเล่า ทำให้นายศิริชัย หรือ โป๊งเหน่ง น้องชายของ แจง ผู้เสียชีวิต ตกเป็นผู้ต้องสงสัยทันที
แต่จากการตรวจสอบข้อมูลทางเทคนิคเบอร์ปริศนา ที่ส่งข้อความมาหานายศิริชัย น้องชายแจง ผู้เสียชีวิต พบว่า มีการซื้อซิมการ์ดมาจากคนงานชาวเมียนมา โดยมี นายนิรุธ หรือยศ เป็นคนซื้อมา และเป็นคนนำซิมโทรศัพท์มาให้ นายศิวกร หรือโน๊ต ซึ่งเป็นเพื่อนกับ นายศิริชัย น้องชายแจง ผู้เสียชีวิต โดยนายศิวกร ได้ส่งข้อความปริศนาทาง SMS ให้กับ นายศิริชัย น้องชายแจง
14 กุมภาพันธ์ 2568 เจ้าหน้าที่คุมตัว นายศิวกร หรือโน๊ต มาสอบปากคำ
ภายหลังถูกสอบเค้น นายศิวกร หรือโน้ต ยอมรับสารภาพว่า นัดเคลียร์ปัญหาเรื่องการกู้ยืมเงิน หลังติดต่อขอยืมเงินจากนายวงศกร ผู้เสียชีวิต 1 แสนบาท เพื่อนำเงินไปซ่อมโดรนที่เสีย แต่เมื่อถึงวันเกิดเหตุ นายวงศกร เกิดเปลี่ยนใจ ไม่ให้ยืมเงิน อ้างว่าเงินไม่มีแล้ว
เมื่อเจราจายืมเงินไม่เป็นผล นายศิวกร อ้างว่าได้บอกกับนายวงศกร ผู้เสียชีวิต ว่า ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่นายวงศกร เสียชีวิต จากนั้นได้หาทางอำพรางศพ แต่ระหว่างทาง นางนันกานต์ หรือแจง ภรรยานายวงศกร พยายามแย่งปืน ก่อนปืนจะลั่นถูกน้องซันเดย์ อายุ 7 ขวบ เสียชีวิต จากนั้นนายศิวกร จึงใช้อาวุธปืนยิงแจง เสียชีวิตเป็นคนที่ 3
หลังก่อเหตุ นายนิรุธ ช่วยอำพรางศพ ก่อนจะนำสร้อยคอทองคำ ไปขายในราคา 120,000 บาท
นอกจากนี้ตำรวจได้คุมตัว นายเข้ คนขี่รถจยย. ให้นายศิวกร ไปก่อเหตุ มาสอบปากคำด้วย
อย่างไรก็ดี พบว่าในห้วงเวลาการหายตัวของสามพ่อแม่ลูก ในช่วงเวลาระหว่างวันที่ 11 มกราคม – 13 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ยังไม่มีใครทราบเหตุการณ์ฆาตกรรม พบว่า นายศิวกร หรือโน้ต คนร้าย ที่ขณะนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าเป็นฆาตกรอำมหิต ได้มีการแชร์โพสต์ช่วยติดตามตัวสามพ่อแม่ลูกที่หายตัวไปด้วย ลักษณะปกปิดอำพรางคดีความผิดที่ก่อไว้ โดยทำเป็นห่วงใยและไม่รู้เรื่อง
โดยเพจเฟซบุ๊ก Drama-addict ได้นำโพสต์ที่ นายศิวกร หรือโน๊ต นำมาแชร์คล้ายกับคนเป็นห่วงและช่วยประกาศตามหาครอบครัวนายวงศกร ผู้เสียชีวิตที่หายตัวไป
โดยมีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์จำนวนมาก อาทิ