
23 มกราคม 2568 นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยกับสื่อมวลชน ภายหลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ส่งหนังสือแจ้งข้อสั่งการอธิบดีฯ ที่มีคำสั่งอนุมัติให้ทำการสืบสวนคดี น.ส.ภัทรธิดา พัชระวีรพงษ์ หรือ "แตงโม" หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้นำเอกสารหลักฐานที่อ้างว่า ได้จากการจำลองเหตุการณ์การตกเรือและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เข้าร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำสำนวนคดีการเสียชีวิตของแตงโม โดยอ้างว่าการทำสำนวนคดีพบข้อพิรุธ มีลักษณะให้ความช่วยเหลือฝ่ายจำเลย เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นายปานเทพ กล่าวว่า ในนามภาคประชาชนบ้านพระอาทิตย์ คณะมิสแกรนด์ ต้องขอบคุณ พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ดีเอสไอ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ตั้งคณะทำงานสืบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมา เพราะหากดีเอสไอพบว่ามีมูล ก็จะสามารถทำให้อัยการสูงสุดในฐานะโจทย์ ใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.163 และ 164 ในการนำไปสู่การยื่นขอศาลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อหาได้ แต่ต้องทำให้ทันก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาชั้นต้น
ซึ่งในวันที่ 29 มกราคมนี้ ศาลจะสอบคำให้การพยานฝั่งจำเลย 2 ปากเป็นนัดสุดท้าย ทำให้ยังพอมีเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงข้อหาในชั้นอัยการ ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา แต่หากไม่ทัน ดีเอสไอสามารถทำหนังสือถึงอัยการสูงสุด ขอให้จำหน่ายคดีออกชั่วคราว เพื่อให้การสอบสวนในประเด็นอื่นแล้วเสร็จและยุติลงก่อน แต่ทั้งนี้ศาลจะต้องเห็นชอบด้วย
นายปานเทพ กล่าวว่า อีกหนึ่งเส้นทางที่จะสามารถยื่นคำร้องต่อศาลขอให้เปลี่ยนแปลงข้อหาได้ คือ แม่แตงโม ที่เป็นโจทย์ร่วม แต่ที่ผ่านมาแม่ของแตงโมยังไม่ได้มีการติดต่อมาขอข้อมูล จึงไม่ขอก้าวล่วงนอกจากนี้ ดีเอสไอยังสามารถใช้อำนาจในการสืบสวนตาม พ.ร.บ. การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ในมาตรา 23/1 วรรค 2 กรณีที่อธิบดีดีเอสไอ เห็นว่ามีมูล สมควรให้แสวงหาข้อเท็จจริง และเข้าลักษณะตั้งเป็นคดีพิเศษ ก็สามารถนำเสนอเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อขอมติในที่ประชุมในการรับดำเนินการไว้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งจะต้องผ่านความเห็นชอบ 2 ใน 3 ของ กคพ. ที่มีอยู่ 21 คนได้ ซึ่งหากสำเร็จจะมีผลทันที ในการเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ซึ่งถือเป็นประเด็นใหม่ที่จะนำไปสู่การรื้อคดีได้ในที่สุด ในอีกทางหนึ่ง กคพ. สามารถส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินคดีกับคนบนเรือคู่ขนานกันไปได้ด้วย
นายปานเทพ ยังย้ำว่า ในการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือที่ผ่านมานั้น เพื่อเป็นการพิสูจน์การให้การของจำเลย ว่า เป็นการให้การเท็จ ส่วนที่มีบางคนบอกให้นำหลักฐานว่าใครเป็นคนแทง ใครเป็นคนฆ่ามานั้น ส่วนตัวทองว่าไม่ใช่ประเด็น เพราะแค่พิสูจน์ได้ว่า มีสิ่งที่เป็นเท็จเกิดขึ้น ก็สามารถรื้อฟื้นคดีอาญาและเปลี่ยนแปลงข้อหาได้แล้ว ดังนั้น ใครที่เคยปรามาสว่า เป็นการแสดงละคร ไร้สาระ หรือดูถูกดูแคลน ด้อยค่าต่าง ๆ นานา แต่ผลลัพธ์ก็มีน้ำหนักพอ จนทำให้ดีเอสไอตั้งคณะกรรมสืบสวนข้อเท็จจริง
นายปานเทพ ยังบอกอีกว่า ส่วนตัวให้ความหวังกับเส้นทางการหาความจริง ไปสู่การรื้อคดีผ่านทาง กคพ. ซึ่งมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน หากอยากกอบกู้ความเชื่อมั่นทางกระบวนการยุติธรรม ก็ควรทำเรื่องนี้ให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชน เพราะคดีนี้เป็นเรื่องดับชาติแล้ว
ทั้งนี้ หากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ของดีเอสไอ ไม่พบมูลและไม่รับเป็นคดีพิเศษ ส่วนตัวและทีมงานก็ไม่ได้กังวล เพราะยังมีอีกหลายช่องทางที่จะสามารถดําเนินการต่อได้ รวมถึงยังมีแผนจะทำการทดลองอีกหลายอย่าง เช่น แสงและเงาตอนแตงโมร้องเพลงอยากรู้ว่าจะมีกี่รูปแบบ แต่ยังไม่ขอเปิดเผย เพราะยังไม่ถึงเวลา
ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (24 ม.ค.) ดีเอสไอจะมีประชุมคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ในเวลา 13.30 น. ซึ่งทางบ้านพระอาทิตย์ และนายณวัฒน์ อิสรไกรศรี เตรียมจะไปแถลงข่าวหลังการประชุม ในเวลา 15.00 น. ด้วย