ร้อง ก.อุตสาหกรรม สั่งปิดโรงงานแป้งมันฉาว ดื้อปล่อยย้ำเสียลงที่ ส.ป.ก.

30 กรกฎาคม 2567  ที่กระทรวงอุตสาหกรรม นายกฤษฎา อินทามระ ฉายาทนายปราบโกง เดินทางมายื่นหนังสือถึง ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อขอให้มีคำสั่งปิดโรงงานแป้งมันสำปะหลังฉาว ที่ลักลอบปล่อยน้ำเสียในจังหวัดนครราชสีมา โดยมี นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม มารับหนังสือไว้เสนอ ปลัดกระทรวงฯ ผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการต่อตามกฎหมายต่อไป 


นายกฤษฎา เปิดเผยว่า สืบเนื่องมาจากที่ตนเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ เจ้าของโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดังกล่าว ที่ตั้งอยู่ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา มีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดคือ ลักลอบปล่อยน้ำเน่าเสียลงไปในที่ดินของ ส.ป.ก. เนื้อที่ 617 ไร่ สร้างความเดือดร้อนด้านมลภาวะ ทำให้น้ำเน่าเสียกระจายลงสู่ดิน ชาวบ้านไม่สามารถทำการเกษตรกรรมได้ โดยเฉพาะน้ำเน่าเสีย ได้ส่งกลิ่นเหม็นเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ชาวบ้าน นักเรียน ตลอดจนพระภิกษุสงฆ์ ต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมาน มาเป็นเวลานานกว่าสามสิบปี 

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนและกำลังตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และที่ปรึกษากระทรวงเกษตรฯ พร้อมตัวแทนจาก ป.ป.ช. และ ปปท. ได้ทำการรับมอบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ที่ จ.29/2567  ลงวันที่ 18 ก.ค.2567 ผู้ต้องหาชื่อนางวรีพร ประธานกรรมการบริษัทโรงงงานดังกล่าว 

ในระหว่างการรับมอบตัว พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้พูดคุยพร้อมกำชับเจ้าของโรงงาน ให้ไปดำเนินการแก้ไขปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียให้ได้มาตรฐาน และหยุดทิ้งน้ำเสียลงในที่ดินของ ส.ป.ก.อีก เพราะที่ผ่านมาได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนนับพันครัวเรือน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพที่ดินของ สปก.พบว่า มีการทิ้งน้ำเน่าเสียเป็นบริเวณกว้างรวมเนื้อที่ทั้งหมด 617 ไร่  

 

โดยนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค ที่ผ่านมา ที่กรรมการบริษัทโรงงานดังกล่าว ได้มีการเข้ามอบตัวแล้ว แต่ก็ยังพบว่า โรงงานดังกล่าว ก็ยังคงปล่อยน้ำเสียลงไปในที่ดินของ ส.ป.ก.ตลอดมา แต่จะลักลอบปล่อยน้ำเสียตอนตี 3 เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ ซึ่งตนพบหลักฐานใหม่ เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา โรงงานเตรียมปล่อยน้ำเสียมาตามท่อลอดใต้ดิน ไปยังบ่อใหม่อยู่บริเวณตรงข้ามโรงเลี้ยงไก่ของนายป้อม

และบังอาจสั่งคนงานรื้อทำลายป้ายหวงห้าม แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินของ ส.ป.ก. ที่นำไปติดไว้บริเวณทางเข้าบ่อขยะเทศบาลฯ ทุกป้ายออกไปแบบไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย การกระทำดังกล่าว ถือเป็นการฝ่าฝืนห รือไม่ปฎิบัติตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 ส่งผลทำให้เกิดอันตราย ความเสียหายความเดือดร้อนอย่างมากแก่ประชาชน ที่อยู่ใกล้เคียงกับจุดทิ้งน้ำเน่าเสีย
 

ตนจึงต้องเดินทางมาขอให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 37 และ 39 แห่งพระราชบัญญัติโรงงานฯ พ.ศ.2535 เพื่อระงับยับยั้งการกระทำของโรงงานแป้งมันแห่งนี้ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อความเป็นอยู่ของประชาชนนับพันครัวเรือน จะได้กลับคืนสภาวะปกติและดีขึ้นเป็นลำดับในเร็ววันนี้ 

ทนายปราบโกงกล่าวทิ้งท้ายว่า มาตรา 37 เป็นการออกคำสั่งให้โรงงาน ระงับการกระทำที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรงงานฯ ด้วยการหยุดปล่อยน้ำเสียออกนอกโรงงาน และแก้ไขหรือปรับปรุง หรือปฎิบัติให้ถูกต้องหรือเหมาะสม ภายในระยะเวลาที่กำหนด

ส่วนมาตรา 39 หากโรงงานไม่แก้ไขปรับปรุง หรือไม่ปฎิบัติให้ถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด ให้ปลัดกระทรวง หรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมาย มีอำนาจสั่งปิดโรงงานได้โดยเฉพาะ กรณีนี้โรงงานแป้งมันเป็นโรงงานจำพวก 3 จึงต้องถือว่าคำสั่งปิดโรงงาน มีผลเป็นการเพิกถอนใบอนุญาตด้วย