ตร.ยังรอผลดีเอ็นเอร่างที่พบที่ฉะเชิงเทรา เป็นนักศึกษาสาวจีนที่หายตัวไปหรือไม่

จากกรณี น.ส.เหยียน รุ่ยหมิน วัย 38 ปี นักศึกษาชาวจีน หายตัวไป จนชุดสืบสวนระดมค้นหาแกะรอยจากกล้องวงจรปิดที่พบว่า ผู้ต้องสงสัยคือ นายชิงเหยียน ชายชาวจีนที่เชื่อว่าจะมีความสัมพันธ์ที่รู้จักกันมาก่อน เข้าไปบริเวณป่าหญ้า จนไปพบศพของผู้หญิงในพื้นที่ ต.บางพระ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา และได้ส่งให้แพทย์สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ชันสูตรพลิกศพเพื่อยืนยันอัตลักษณ์บุคคล เนื่องจากสภาพศพเน่าเปื่อย 

และขณะนี้ทางตำรวจได้ตัดประเด็นเรียกค่าไถ่ทิ้ง เนื่องจากเกิดจากความเข้าใจผิดในการสื่อสารของเพื่อนคนที่มาแจ้งความ เพราะเพื่อนที่แจ้งความ ก็อุปมาอุปไมย คิดว่าอาจจะโดนจับตัวไปรึเปล่าเลยให้ญาติเตรียมเงินไว้ แต่พอสอบปากคำแล้วทำให้ตัดประเด็นนี้ทิ้ง ซึ่งตอนนี้จากการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมด ประเด็นการก่อเหตุ พุ่งเป้าไปในเรื่องส่วนตัว ปมชู้สาว  เพราะมีหลักฐานยืนยันว่ามีความรู้จักกันและเดินจับมือกัน อีกประเด็นคือประสงค์ต่อทรัพย์ เพราะไปเจอหลักฐานการใช้จ่ายเงินออนไลน์ของผู้สูญหายที่มาเก๊า ซึ่งเป็นประเทศที่ผู้ต้องสงสัย เดินทางออกนอกประเทศไทย โดยการก่อเหตุครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งอาชญากรข้ามชาติ หรือ การอุ้มรีดค่าไถ่ ชัดเจน

15 กรกฎาคม 2567 พ.ต.อ.ธรรมศักดิ์ สารบุญ ผกก.สน.บางรัก เปิดเผยถึงความคืบหน้าทางคดีล่าสุด ว่าขณะนี้ยังต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอของศพผู้หญิงที่พบใน จ.ฉะเชิงเทรา ว่าใช่น.ส.เหยียน รุ่ยหมิน วัย 38 ปี หญิงชาวจีน ที่หายตัวไปหรือไม่ โดยแพทย์สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ จะนำไปเทียบเคียงกับดีเอ็นเอพ่อของ น.ส.เหยียน ที่ได้เก็บตัวอย่างไว้แล้ว และรอผลการผ่าชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตด้วย เมื่อทราบผลทางนิติวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะผลดีเอ็นเอยืนยันออกมาแล้ว ก็จะทำให้สามารถขอศาลออกหมายจับ นายชิงเหยียน ผู้ต้องสงสัยชาวจีนได้ทันที

ขณะเดียวกันวันนี้ พนักงานสอบสวน ได้ส่งวัตถุพยาน เป็น แผ่นรองพื้นภายในช่องเก็บของด้านหลังของรถเก๋ง สีขาว คันที่เกิดเหตุ จำนวน 1 ผืน ไปส่งให้กับพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์โดยละเอียดด้วย เพื่อเทียบเคียงดีเอ็นเอว่าตรงกับ น.ส.เหยียน ผู้สูญหายหรือไม่ หลังจากที่ได้ใช้เทคนิคพิเศษของทางพิสูจน์หลักฐานโดยใช้สารเรืองแสงแล้วพบว่า มีรอยคราบเลือดอยู่บนแผ่นรองพื้นจากกระโปรงหลังรถ


ส่วนการสอบปากคำพ่อของน.ส.เหยียน ผู้สูญหาย เมื่อวานนี้ก็ได้สอบปากคำเพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีไปแล้ว ซึ่งเบื้องต้น พ่อของน.ส.เหยียนไม่เคยรู้จักผู้ต้องสงสัยคือนายชิงเหยียนมาก่อน และไม่รู้ว่าลูกสาวเดินทางเข้ามาทำอะไรที่ประเทศไทย โดยในวันที่ 18 ก.ค. พี่สาวและพี่เขยของน.ส.เหยียน ที่ก่อนหน้านี้มีการติดต่อกับเพื่อนของน.ส.เหยียนที่เป็นคนมาแจ้งความ จะเดินทางมาประเทศไทย และจะมาพบกับตำรวจที่สน.บางรัก เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย

นิติเวช คาดศุกร์นี้รู้ผลตรวจดีเอ็นเอร่างที่พบที่ฉะเชิงเทรา เป็นร่างสาวชาวจีนที่สูญหายหรือไม่

ด้าน พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ้มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยความคืบหน้าการผ่าชันสูตรและตรวจเทียบเคียงดีเอ็นเอของศพ ที่พบในจังหวัดฉะเชิงเทรา ว่าจะใช่ น.ส.เหยียน หญิงชาวจีนที่หายตัวไปหรือไม่ ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์ตัวบุคคล ซึ่งยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการเทียบเคียงดีเอ็นเอ เนื่องจากสภาพศพเน่าเปื่อย และเสื่อมสภาพมาก จากเดิมจะใช้เพียงแค่จากเลือด กระพุ้งแก้ม หรือกระดูกอ่อน แต่สภาพศพที่เปลี่ยนสภาพของรายนี้ทำให้ต้องสกัดจากกระดูกแข็งด้วย จึงทำให้ขั้นตอนซับซ้อนขึ้น แต่จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด คาดว่าจะทราบผลภายในวันศุกร์นี้ ทั้งนี้ หากมีผลการเอ็กซเรย์หรือประวัติทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการทำศัลยกรรม จะยิ่งทำให้แม่นยำขึ้นหากมีข้อมูลนำมาเทียบเคียงเพราะเป็นลักษณะเฉพาะ แต่ยังไม่ได้ประสานกับทางชุดทำคดีเพื่อขอข้อมูลส่วนนี้

ส่วนการผ่าชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต เนื่องจากสภาพศพค่อนข้างมีความเน่าเปื่อย และเสื่อมสภาพเยอะ ผิวหนังอวัยวะภายในมีการย่อยสลายไป จึงยังหาสาเหตุการตายที่ชัดเจนไม่ได้ ตอนนี้ที่ทำได้คือ การถ่ายภาพรังสีคอมพิวเตอร์ไว้ เพื่อมาดูส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่ 

ทั้งนี้ หากดูจากภาพถ่ายรังสีคอมพิวเตอร์แล้ว จะมีโอกาสที่จะรู้สาเหตุการเสียชีวิตหรือไม่นั้น ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา ระบุว่า  โอกาสที่จะเจอจากภาพรังสีต่างๆ ส่วนมากถ้ามีจะดูได้จากกระดูก ในผู้เสียชีวิตรายนี้ พบว่า ไม่มีบาดแผลอะไรที่แตกร้าว บริเวณกระโหลกปกติก็ไม่ได้แตกร้าว เนื้อเยื่อสมองเน่าแบบไม่ได้มีการบาดเจ็บและมีเลือดออก แต่อวัยวะช่วงอก ช่องท้องเนื้อเยื่อหายหมดเลย ดังนั้น ยกตัวอย่างกรณีหากถูกแทงหรือมีบาดแผลบริเวณท้องหรือช่วงที่อวัยวะภายในเน่าหมดแล้ว ก็จะบอกไม่ได้ แต่กรณีที่พบคราบเลือด หากคราบเลือดนั้น ตรงกับดีเอ็นเอของผู้เสียชีวิต ก็น่าเชื่อว่าจะมีบาดแผลเกิดขึ้นจึงมีคราบเลือด ส่วนหากกรณีถ้าเป็นลักษณะของการบีบคออย่างเดียวไม่ทำให้เกิดบาดแผล ก็ทำให้ตรวจสอบได้ยาก




ขอบคุณภาพ : ที่นี่8ริ้ว