คดีนี้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น หัวหน้าชุดสืบสวนมือพระกาฬ บอกว่า ตอนนี้พุ่งเป้าไปที่ ประเด็นชู้สาว และประสงค์ต่อทรัพย์ เนื่องจากมีหลักฐานปรากฎชัด
ผู้สื่อข่าวจะพาคุณผู้ชมไปดูข้อมูลหลักฐานนี้ ในประเด็นชู้สาว เพราะมีภาพวงจรปิด ยืนยันชัดเจนว่า ทั้ง 2 คนมีการนัดหมายเพื่อเจอกัน
ตั้งแต่ ที่ ไทม์สแคว ปากซอยสุขุมวิท 12 ที่ นางเหยียน ผู้สูญหายชาวจีน ออกมาจากบ้านเพื่อนย่านพระราม9 ด้วยรถแกร๊บ แล้วมายืนรอนายชิงเหยียน ที่ขับรถเก๋งสีขาว มารอรับ ในเวลา 17.26น. วันที่ 1 ก.ค. โดยภาพวงจรปิดปรากฎไว้ชัดว่า เมื่อรถนายชิงเหยียนมาถึง ก็มาช่วยกันยกกระเป๋า ขึ้นรถ แล้วออกไปด้วยกัน
จากนั้น ภาพวงจรปิด ก็ไปปรากฎในเวลา 18.05 น. ที่พบว่า ทั้งสองคน มาจอดรถบริเวณ ริมถนนสุนทรโกษา (ตลาดคลองเตย) และทั้งสองคนก็ลงมาจากรถ นางเหยียนนั่งเบาะหน้ามาคู่กับคนขับ เพราะเปิดประตูรถมาจากฝั่งนั้น แล้วเมื่อเดินลงมา ก็รอนายชิงเหยียน ลงมาจากรถ แล้วทั้งสองคนก็เดินตามกันไป ซึ่งพบว่าทั้งสองคน ไปเลือกซื้อทุเรียนกัน แล้วยืนกินไม่ไกลรถ โดยท่าทางของทั้งสองคนก็ดูปกติ
ต่อมาวงจรปิดอีก1ตัว ถือเป็นตัวสำคัญ ที่ยืนยันความสัมพันธ์ของทั้งสองคน เพราะภาพวงจรปิดตัวนี้ คือบริเวณริมถนน สุนทรโกษา (ตลาดคลองเตย) ที่เดิม ที่ทั้งสองคนมาจอดรถ หลังกินทุเรียนกันเสร็จ ทั้งสองคน ก็เดินกลับมาที่รถ ระหว่างเดินกลับมา เวลา 19.43น. กล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ว่า ทั้งสองคน "เดินจับมือ" กัน ตัวแนบชิดกัน และเมื่อกลับมาขึ้นรถ ก็ออกไปด้วยกัน เดินไปต่อทาง ถ.พระราม4 ก่อนที่จะไปเช่าบ้านพัก อยู่ในซอยสุขุมวิท 16 ในคืนนั้นด้วยกัน ตลอด24ชั่วโมง
จนมีข้อมูลอีกครั้ง ที่ นายชิงเหยียน ออกมาจากบ้านเช่าซอยสุขุมวิท16 ในเวลา 20.22 น.ของวันที่ 2 ก.ค. และพบเห็นนายชิงเหยียนคนเดียว ไม่เห็น นางเหยียน ดาวติ๊กต็อกแล้ว ทำให้ตำรวจเชื่อว่า น่าจะมีการกระทำบางอย่างที่บ้านเช่าแห่งนี้
ส่วนประเด็นที่ตำรวจตั้งปมประสงค์ต่อทรัพย์ ก็เนื่องจากแนวทางการสืบสวน พบว่า หลังจากนายชิงเหยียน ออกนอกประเทศไทยไปแล้ว ในวันที่ 3 ก.ค.เวลา 13.46น. ซึ่งพบว่าอยู่กับ นางเหยียนผู้สูญหายเป็นคนสุดท้าย จากนั้น ก็ไปพบข้อมูลการใช้จ่ายเงินออนไลน์ Wechat Pay ของนางเหยียน ในวันที่ 4 ก.ค. 2567 เวลา 00.12 น. ซื้อของที่ห้างคาร์ฟูร์ มาเก๊า เป็นจำนวนเงิน 9,694.76 หยวน
ต่อมา วันที่ 5 ก.ค. 67 เวลา 09.14 น. พบมีการใช้จ่ายเงินค่าเกี๊ยวน้ำใน เวเนเชี่ยน มาเก๊า เป็นจำนวนเงิน 229 หยวน และวันที่ 6 ก.ค. เวลา 17.04 น. จ่ายค่าซื้อของช็อปปิ้งเป็นจำนวนเงิน 1,043 หยวน เวลา 18.40 น. ของวันเดียวกัน ได้จ่ายค่าซื้อของที่ห้างคาร์ฟูร์ มาเก๊า เป็นจำนวนเงิน 9,694.76 หยวน ซึ่งตัว นางเหยียน รุ่ยหมิน ยังไม่ได้เดินทางออกจากประเทศไทย
ทั้งนี้ในแนวทางการสืบสวนของตำรวจ ยังเชื่อด้วยว่า การก่อเหตุครั้งนี้ นายชิงเหยียน ผู้ต้องสงสัยชาวจีน มีการวางแผนมาก่อน
จากเหตุผลแรกที่พบข้อมูลคือ นายชิงเหยียน ต้องการเช่ารถแบบ 5 ประตู เนื่องจากข้อมูลของเจ้าของรถที่ให้เช่า ให้ข้อมูลกับตำรวจว่า นายชิงเหยียน แจ้งว่าต้องการรถแบบ5 ประตู แต่ในขณะนั้น ทางผู้ให้เช่ารถ ยังไม่มีรถ5ประตูให้ จึงได้ให้รถเก๋งซีวิค4ประตูไปก่อนในช่วงบ่ายที่เช่ารถ แล้วช่วงประมาณ19.00น. ก็นำรถเก๋งซิตี้ 5ประตู ไปเปลี่ยนให้ที่โรงแรม
ก่อนที่จะใช้รถ 5 ประตูคันนี้ไปรับ นางเหยียนผู้สูญหาย และไปขับวนที่ จ.ฉะเชิงเทรา12จุด จนไปพบศพในจุดที่รถคันนี้ไปขับวน และจากการตรวจสอบของพิสูจน์หลักฐานพบคราบเลือดบริเวณกระโปรงหลังรถ ซึ่งหากดูจากขนาดของกระโปรงหลังรถ 5 ประตู กับ 4 ประตูนั้น ขนาด 5 ประตูน่าจะมีขนาดที่ใหญ่กว่า
ประกอบกับ ที่ พล.ต.ต.นพศิลป์ ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ถึงประเด็นการที่ พบข้อมูลการถอด เมมโมรีการ์ดของกล้องหน้ารถ ขณะที่ใช้รถเช่า ทำให้เชื่อว่า มีการวางแผนมาก่อน เพราะจากแนวทางการสืบสวน พบว่า นายชิงเหยียน ได้สอบถามกับผู้ให้เช่ารถ ว่า รถมีเมมโมรี่การ์ดของกล้องหรือรถหรือไม่ และผู้ให้เช่า บอกกับน่ยชิงเหยียนว่า มี
โดยหลังจากที่นายชิงเหยียน รับรถมาจากผู้ให้เช่าวันที่ 30 มิ.ย. แล้ว ตำรวจก็สันนิษฐานว่า น่าจะถอดเมมโมรี่การ์ดออก ก่อนจะเริ่มใช้รถ เพราะจากการตรวจสอบเมมโมรีการ์ด ไม่มีภาพถูกบันทึกไว้เลยหลังจากที่รับรถไปแล้ว ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงที่นายชิงเหยียนใช้รถ ในวันที่ 1-3 ก.ค. แม้หลังจากนำรถกลับมาคืนแล้ว เมมโมรี่การ์ดยังอยู่ปกติก็ตาม คาดว่า ตอนนำรถมาคืนก็เสียบเมมโมรี่การ์ดกลับคืนที่เดิมให้เหมือนปกติ
นอกจากนี้ ชุดสืบสวนยังพบข้อมูลอีกว่า แต่ละจุดที่นายชิงเหยียนไป มักจะเลือกจะที่ ปกปิด มิดชิด ทั้งจุดที่ไปเผากระเป๋า และจุดที่ค่ดว่าจะไปทิ้งร่าง ก็เป็นป่า บึงน้ำ ไม่ค่อยมีกล้อง รวมถึง บ้านเช่าซอยสุขุวิท 16 ก็ไม่มีวงจรปิดบันทึกภาพ แม้กระทั่งรถที่เข้าไปในหมู่บ้าน เพราะวงจรปิดที่หมู่บ้านแห่งนี้เสียใช้งานไม่ได้
รวมถึงการไปซื้อไฟแช็ก ที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ซอยสุขุมวิท16 ก็สันนิษฐานว่าเป็นการเตรียมการเพื่อไปเผาสิ่งของดังกล่าว