svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"สืบนครบาล" รวบ "เอส บางพลูหลวง" หลอกประมูลพระก่อนส่งของเก๊ให้เหยื่อ

"สืบนครบาล" รวบบัญชีม้า "เอส บางพลูหลวง" หลังหลอกประมูลพระเหรียญหลวงปู่ทิม รุ่นผูกพัทธสีมา ปี 2517 ผ่านออนไลน์ ก่อนส่งของเก๊ให้เหยื่อ-ปิดเฟซบุ๊กหนี อ้างบัญชีเปิดไว้เพื่อสมัครงานเท่านั้น

14 พฤษภาคม 2567 "พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง" ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. "พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์" รอง ผบช.น. 
"พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์" ผบก.สส.บช.น. และพ.ต.อ.เกียรติศักดิ์  สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการที่ 4 ร่วมกับ สภ.ไทรน้อย

ดำเนินการจับกุมตัว นายธนบดี ทรัพย์ปัญญาเลิศ อายุ 23 ปี ชาว จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 129/2567 ลงวันที่ 2 พ.ค. 2567 กระทำความผิดฐาน "ฉ้อโกง , โดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือ ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น"

โดยจับกุมตัวได้ ถนนภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.ทวีวัฒนา อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม เหตุดังกล่าวเกิดจากมีผู้เสียหายได้เข้าไปประมูลพระเครื่องเหรียญหลวงปู่ทิม รุ่นผูกพัทธสีมา ปี 17 คอยาว โดยผู้ต้องหาใช้เฟซบุ๊กชื่อ "เอส บางพลูหลวง" รับประกันว่าเป็นพระแท้ ถ้าเป็นพระเก๊มีค่าเสียเวลาให้ 10,000 บาท

กระทั่งต่อมาผู้เสียหายชนะการประมูลในราคา 13,500 บาท หลังจากนั้นได้โอนเงินไปยังบัญชีของผู้ต้องหา ปรากฏภายหลังโอนเงินผู้ต้องหาได้ส่งพระเครื่องมาจริง แต่เป็นพระปลอม จึงติดต่อไปยังผู้ต้องหาเพื่อขอคืนเงิน แต่ผู้ต้องหากลับหลบหนีและบล็อกเฟซบุ๊กไปในที่สุด
 

ทั้งนี้ จากการสอบปากคำผู้ต้องหา ให้การรับว่าเคยเปิดบัญชีธนาคารเพียงเพื่อจะไปสมัครงานเท่านั้น และปฏิเสธว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกขายพระเก๊แต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางมด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า จากการสืบสวนติดตามคนร้ายที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผ่านการหลอกลวงทุกประเภท ขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

สำหรับผู้ที่ขายบัญชีธนาคารนั้น ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ระบุว่า เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

"แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น." พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าว