svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ตร. ทุ่มงบ 1.8 พันล้าน ซื้อ จยย.สายตรวจ ทดแทนรุ่นเก่าเปลืองน้ำมัน อายุการใช้งานเกิน 7 ปี

14 เมษายน 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทุ่มงบ 1.8 พันล้าน ซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจ 14,442 คัน ทดแทนรุ่นเก่าเปลืองน้ำมัน อายุการใช้งานเกิน 7 ปี พร้อมติดตั้งสัญญาณไฟกระพริบ LED สีแดง หมวกนิรภัยจำนวน 2 ใบต่อคัน และกล้องวิดีโอติดตัว 2 ชุดต่อคัน

14 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เผยแพร่ประกาศเรื่อง ประกวดราคาซื้อโครงการรถจักรยานยนต์งานสายตรวจ พร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน) ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ ในสถานีตำรวจทั่วประเทศ จำนวน 14,442 คัน ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ราคากลางของงานซื้อ ในการประกวดราคาครั้งนี้ เป็นเงิน 1,884,007,040.00 บาท (หนึ่งพันแปดร้อยแปดสิบสี่ล้านเจ็ดพันสี่สิบบาทถ้วน)

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 มีการกำหนดราคากลาง รถ จยย. สายตรวจ 1 คัน พร้อมอุปกรณ์ ราคาคันละ 130,453.33 บาท

ตร. ทุ่มงบ 1.8 พันล้าน ซื้อ จยย.สายตรวจ ทดแทนรุ่นเก่าเปลืองน้ำมัน อายุการใช้งานเกิน 7 ปี

สำหรับร่างขอบเขตของงาน (Terms of Reference : TOR) หรือรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ และหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอรายการจัดซื้อรถจักรยานยนต์งานสายตรวจ พร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน) ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ ในสถานีตำรวจทั่วประเทศ จำนวน 14,442 คัน ได้ระบุความเป็นมา ว่า

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีภารกิจในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ยาเสพติด การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน การรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจในสถานีตำรวจทั่วประเทศได้ขับขี่รถจักรยานยนต์สายตรวจ พร้อมอุปกรณ์ออกปฏิบัติงานตามหน้าที่ในพื้นที่รับผิดชอบเป็นประจำทุกๆ วัน ตลอด 24 ชั่วโมง

ปัจจุบันรถจักรยานยนต์งานสายตรวจดังกล่าว มีอายุการใช้งานเกินกว่า 7 ปี ตามอายุการใช้งานรถจักรยานยนต์ที่กรมบัญชีกลางกำหนดไว้ และส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่ชำรุดทรุดโทรม ไม่อยู่ในสภาพความพร้อมที่จะนำมาใช้ในการปฏิบัติงานสายตรวจตลอด 24 ชั่วโมง ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และการให้บริการช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่ ทั่วประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงตั้งโครงการจัดซื้อและตั้งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2567-2568 เพื่อจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจพร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน) เพื่อไว้ใช้ราชการสำหรับงานสายตรวจของสถานีตำรวจขนาดเล็ก, ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ รวม 1,484 สถานีทั่วประเทศ และรถจักรยานยนต์พร้อมอุปกรณ์ที่จะจัดซื้อจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีศูนย์บริการมาตรฐานของบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ยี่ห้อที่จะจัดซื้อให้ครบทั้ง 77 จังหวัด ทั่วประเทศ เพื่อรองรับตามเงื่อนไขการรับประกัน และรองรับการซ่อมบำรุง ต่อการใช้งานในอนาคต

โดยจะต้องมีศูนย์บริการเพื่อดำเนินการซ่อมบำรุงได้อย่างรวดเร็วทั่วถึงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และรถจักรยานยนต์ที่จะจัดซื้อทดแทนจะต้องมีอุปกรณ์เพิ่มเติมในการใช้งานและการปฏิบัติหน้าที่ โดยจะต้องติดตั้งสัญญาณไฟกระพริบ LED สีแดง บริเวณด้านหน้าและด้านหลังเพื่อแจ้งเตือนและเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ต้องมีหมวกนิรภัยตามมาตรฐานอุตสาหกรรมที่กำหนดและตามสีและรูปแบบที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด รวมทั้งต้องมีกล้องบันทึกภาพวิดีโอติดตัวผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หมวด 3 มาตรา 22 มาตรา 23 และมาตรา 26 

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับการได้รับจัดสรรงบประมาณงบดำเนินงาน ค่าวัสดุน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับงานสายตรวจของสถานีตำรวจทั่วประเทศมีจำกัด ไม่เพียงพอกับการปฏิบัติงานจริง และรถจักรยานยนต์สายตรวจคันเดิม มีขนาดเครื่องยนต์ 286 ซีซี ซึ่งมีขนาดใหญ่และสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่ารถจักรยานยนต์ขนาดทั่วไปที่นิยมใช้ทั่วไปในท้องตลาด คือ เครื่องยนต์ ขนาด 150-160 ซีซี ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตรถจักรยานยนต์ได้มีการพัฒนาประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ให้มีขนาดเล็กลง มีกำลังและสมรรถะสูงขึ้นและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น ขับขี่ได้สะดวกมากขึ้น สามารถรองรับผู้ขับขี่และผู้นั่งช้อนท้ายของการปฏิบัติงานสายตรวจได้

 แฟ้มภาพส่งมอบรถ จยย.สายตรวจ รุ่น CBR 300R วันที่ 7  ส.ค. 58

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้จัดทำโครงการจัดหารถจักรยานยนต์งานสายตรวจพร้อมอุปกรณ์ทดแทนรถจักรยานยนต์เดิมที่หมดอายุการใช้งาน และได้ตั้งคำของบประมาณประจำปีไว้และได้รับจัดสรรงบประมาณตาม พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 - พ.ศ.2568 เพื่อจัดซื้อรถจักรยานยนต์ พร้อมอุปกรณ์ดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของรถจักรยานยนต์พร้อมไฟกระพริบสีแดง, หมวกนิรภัยตามมาตรฐานอุตสาหกรรม จำนวน 2 ใบ/คัน และกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวและเสียง แบบติดบนตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 2 ชุด/คัน เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่งานสายตรวจของสถานีตำรวจทั่วประเทศ โดยมีรายเอียดตามเอกสารที่แนบ (ผนวก ก.- ผนวก ค.) และกำหนดแผนจัดสรร และสถานที่ส่งมอบรถจักรยานยนต์พร้อมอุปกรณ์ให้กับหน่วยต่างๆ ตามเอกสารที่แนบ (ผนวก ง.)

วัตถุประสงค์ จัดหารถจักรยานยนต์ พร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน) จำนวน 14,442 คัน ให้กับสถานีตำรวจทั่วประเทศ จำนวน 1,484 สถานี ในพื้นที่ 77 จังหวัด ทั่วประเทศ ไว้ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่งานสายตรวจ และเป็นรถจักรยานยนต์รุ่นที่มีผลิตและขายในปัจจุบัน มีศูนย์บริการมาตรฐานรองรับการประกันและการซ่อมบำรุงทั่วทั้ง 77 จังหวัด ทั่วประเทศ เพื่อทดแทนรถจักรยานยนต์สายตรวจพร้อมอุปกรณ์เดิม ที่ มีอายุการใช้งานเกินกว่า 7 ปี ให้สามารถปฏิบัติงานสายตรวจในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและการให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดซื้อรถจักรยานยนต์งานสายตรวจ พร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน) จำนวน 14,442 คัน ในครั้งนี้ภายในวงเงินทั้งสิ้น 1,884,007,040.00 บาท (หนึ่งพันแปดร้อยแปดสิบสี่ล้านเจ็ดพันสี่สิบบาทถ้วน) โดยเบิกจ่ายจากเงินผูกพันงบประมาณ 2 ปี จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2567 - พ.ศ. 2568 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดสีรถจักรยานยนต์สายตรวจมาตรฐาน ให้ใช้สีแดงเลือดหมู และกำหนดให้ติดตั้งสัญญานไฟกระพริบ LED สีแดง บริเวณด้านหน้าและด้านหลัง ซ้าย-ขวา

และกำหนดให้หมวกนิรภัยสำหรับงานสายตรวจ เป็นชนิดครึ่งใบสีทองตามมาตรฐานอุตสาหกรรมที่กำหนด และมีตราหน้าหมวกเป็นตราแผ่นดินสีเงินซึ่งรถจักรยานยนต์และหมวกนิรภัย ไม่ได้เป็นสีและรุ่นที่ผลิตขายทั่วไปในท้องตลาด โดยผู้ผลิตจำเป็นจะต้องปรับสายการผลิตของโรงงานเพื่อผลิตเป็นการเฉพาะให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

รวมทั้งได้กำหนดให้ผู้ขายจะต้องทำการส่งมอบรถจักรยานยนต์พร้อมอุปกรณ์ให้กับทางราชการ ณ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 และตำรวจภูธรจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ และการจัดซื้อครั้งนี้มีวงเงินสูง รวมทั้งผู้ขายจะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นในการเตรียมการและวางแผนการดำเนินการเพื่อส่งมอบพัสดุให้กับทางราชการ

ดังนั้น เพื่อบรรเทาและช่วยเหลือทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ ให้มีสภาพคล่องและมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการ และเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันการเสนอราคามากรายยิ่งขึ้น มีการแข่งขันการเสนอราคาได้อย่างโปร่งใส และเป็นธรรมกับผู้เสนอราคาทุกราย และเพื่อให้ผู้ขายเสนอราคาที่ต่ำสุดให้กับทางราชการ จึงกำหนดให้มีการจ่ายเงินค่าพัสดุล่วงหน้าให้กับผู้ชนะการประกวดราคาภายหลังจากที่ได้ทำสัญญาซื้อขายกับทางราชการในอัตราร้อยละ 15 ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ พ.ศ.2560 ข้อ 89 (4)

"การซื้อหรือจ้างโดยวิธีประกาศเชิญชวนทั่วไป วิธีคัดเลือก และวิธีเฉพาะเจาะจง นอกจากกรณีตามมาตรา 56 วรรคหนึ่ง (2) (ข) ให้จ่ายได้ไม่เกินร้อยละสิบห้าของราคาซื้อหรือราคาจ้างแต่ทั้งนี้ จะต้องกำหนดอัตราค่าพัสดุที่จะจ่ายล่วงหน้าไว้เป็นเงื่อนไขในประกาศและเอกสารเชิญชวนหรือหนังสือเชิญชวนแล้วแต่กรณีด้วย"

อ่านร่าง TOR ฉบับเต็ม (คลิก)


ครม.อนุมัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดหา จยย.สายตรวจใหม่ 14,442 คัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่า 1 ปีงบประมาณ สำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ในการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 จำนวน 2 รายการ วงเงินรวม 2,856.442 ล้านบาท สำหรับทั้ง 2 รายการ ประกอบด้วย

1. ค่าเช่ายานพาหนะตามโครงการเช่ารถยนต์พร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน) เพื่อใช้ในภารกิจงานสืบสวนสะกดรอยติดตามจับกุมคนร้ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนในสถานีตำรวจทั่วประเทศ 890 คัน วงเงิน 1,010.755 ล้านบาท ผูกพันงบประมาณ 5 ปี (2567-2571) แบ่งเป็น 2567 ตั้งงบที่ 77.75 ล้านบาท และปี 2568-2571 ผูกพันที่ปีละ 233.251 ล้านบาท

2. โครงการรถจักรยานยนต์สายตรวจ พร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน) ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจในสถานีตำรวจทั่วประเทศจำนวน 14,442 คัน วงเงินรวม 1,845.68 ล้านบาท ผูกพันงบประมาณ 2 ปี (2567-2568) โดยในปี 2567 ตั้งงบไว้ที่ 369,137,600 บาท และในปี 2568 ผูกพันงบไว้ที่ 1,476.55 ล้านบาท

logoline