จากกรณีตำรวจ สน.พระราชวัง จับกุมนายณัฐพล เมฆโสภณ หรือ เป้ ผู้สื่อข่าวของ "ประชาไท" และ นายณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ ช่างภาพอิสระ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญารัชดา "ข้อหาเป็นผู้สนับสนุน ทำให้โบราณสถานเสียหาย จากการขีดเขียนข้อความ" กรณีไปทำข่าว นายศุทธวีร์ สร้อยคำ หรือ "บังเอิญ" ศิลปินปลดแอก ซึ่งก่อเหตุพ่นสีสเปรย์สีดำใส่รั้วกำแพงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 กลายเป็นประเด็นที่สังคมจับตาจนขึ้นเทรนด์ X
13 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง นำตัวนายณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ กับนายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้ต้องหาที่ 1-2 ผู้ต้องหากระทำความผิดฐาน เป็นผู้สนับสนุนทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาณ ขีด เขียน พ่นสีหรือทำให้ปรากฏด้วยประการใดๆ ซึ่งข้อความ ภาพหรือรูปรอยใดๆ ที่กำแพงที่ติดกับถนน หรืออยู่ในที่สาธารณะ มาฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่ 13 - 24 กุมภาพันธ์ 2567
เนื่องจากพนักงานยังทำการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานอีกห้าปากเป็นพยานชุดจับกุม และประจักษ์พยานรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา 1-2 ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอออกหมายขังผู้ต้องหาไว้ระหว่างสอบสวน หากผู้ต้องหาขอปล่อยชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้าน เนื่องจากหากปล่อยตัวไปเกรงว่าผู้ต้องหาที่1-2 จะกระทำผิดซ้ำ
โดยบรรยายพฤติการณ์สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 17.40 น. เวลาเกิดเหตุ ส.ต.ต.วราวุฒิ เทศวงษ์ และ ส.ต.ต.พชรพล แสงภารา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นพยานได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยเขตพระราชฐาน (พระบรมมหาราชวัง) โดยใช้รถจักรยานยนต์ของทางราชการเป็นยานพาหนะออกตรวจรอบพระบรมมหาราชวัง ทั้งหมด 5 จุด และได้ออกตรวจเป็นรอบเวลา
ต่อมาตามวันเวลาเกิดเหตุ พยานทั้งสองได้ออกตรวจรอบเขตพระราชฐานพระบรมมหาราชวัง ก่อนถึงจุดตรวจที่ 4 พยานทั้งสองได้หยุดรถ ถ่ายภาพบริเวณจุดตรวจเพื่อส่งภาพรายงานทางกลุ่มแอปพลิเคชันไลน์ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เมื่อตรวจครบทั้ง 5 จุด ขณะพยานทั้งสองกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ออกตรวจต่อไป
ส.ต.ต.พชรพล ได้พบเห็นเหตุการณ์ นายศุทธวีร์ สร้อยคำ ได้ใช้กระป๋องสีสเปรย์พ่นสีกำแพงพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้าโดยสามารถจับกุมตัว นายศุทธวีร์ พร้อมยึดสีสเปรย์ของกลางได้ ในขณะกระทำความผิด โดยมีผู้กล่าวหาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.พระราชวัง ได้ออกตรวจตามวงรอบผ่านมาพบเหตุจึงได้เข้าร่วมจับกุม และได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิ์ให้ทราบตามกฎหมาย จากนั้นได้นำตัวนายศุทธวีร์ พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน จากการตรวจสอบข้อมูลทางสื่อโซเชียลและภาพจากกล้องวงจรปิดของผู้ต้องหาที่หนึ่งตรวจสอบพบว่าวันก่อนเกิดเหตุ นายณัฐพล ผู้ต้องหาที่ 1 ได้เดินทางมาที่สนามหลวง และพูดคุยกับนายศุทธวีร์ สร้อยคำ และได้ไปร่วมนั่งรวมกลุ่มที่บริเวณหน้าศาลฎีกา ในวันเกิดเหตุ จากนั้น เวลา 17.35 น. อยู่หน้าร้านกาแฟอเมซอนข้างกระทรวงกลาโหมประมาณ 20 นาที ลักษณะเหมือนเป็นการรอเวลานัดหมาย
ต่อมาเวลา 17.39 น. นายณัฐพล ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ยืนถ่ายภาพอยู่ที่ถนนหน้าพระลานตรงป้อมเผด็จฯ (ถ่ายภาพมุมด้านหน้า) ขณะที่นายศุทธวีร์ ก่อเหตุพ่นสีกำแพงพระบรมมหาราชวัง และเข้ามาถ่ายภาพขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวนายศุทธวีร์ แสดงให้เห็นว่า นายณัฐพล ผู้ต้องหาที่ 1 ได้รู้มาก่อนแล้วว่านายศุทธวีร์ จะมาก่อเหตุ
จากการตรวจสอบข้อมูลทางสื่อโซเชียล และภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าเมื่อเวลา 16.56 น. นายณัฐพล ผู้ต้องหาที่ 2 เดินขึ้นมาจาก ถนนใต้อุโมงค์ฝั่ง ม.ศิลปากร ถ.หน้าพระธาตุ และเดินอยู่ภายในสนามหลวง อยู่ในบริเวณใกล้เคียงสถานที่เกิดเหตุ ลักษณะการเดินไปเดินมาเหมือนเป็นการรอเวลานัดหมาย
ต่อมาเวลา 17.39 น. ผู้ต้องหาที่ 2 ยืนรอถ่ายภาพอยู่ตรงบริเวณมุมสนามหลวง ฝังทิศตะวันตก (มุมถ่ายภาพจากทางขวา) ขณะนายศุทธวีร์ กำลังก่อเหตุพ่นสีกำแพง ซึ่งรู้มาก่อนแล้วว่าจะมีคนก่อเหตุ เพราะคนปกติทั่วไปหากไม่ทราบแผนการมาก่อนก็ไม่สามารถเอาโทรศัพท์มือถือ มาถือรอถ่ายภาพขณะนายศุทธวีร์ ก่อเหตุได้(ปรากฏตามภาพจากกล้องวงจรปิด) พนักงานสอบสวนจึงได้ขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับ ผู้ต้องหาที่ 1-2 ช่วงเดือนพฤษภาคม 2566
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 15.06 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 ได้บริเวณร้านข้าวมันไก่ ถนนเจริญกรุงกรุงเทพมหานคร และเวลา 14.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 2 บริเวณกลางซอยประชาอุทิศสี่แยก 1-2 แขวงราษฎร์บูรณะ กทม.
ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่1-2 ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ศาลอาญา พิจารณาคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวนแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้ โดยผู้ต้องหายื่นคำร้องพร้อมเงินสด คนละ 3.5 หมื่นบาท ศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ระหว่างสอบสวนตลอดจนถึงชั้นพิจารณา เว้นแต่โจทก์ฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาที่หนักกว่า โดยมีประกันในวงเงิน 3.5 หมื่นบาท