svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

พระราม 2 อีกแล้ว รถเครนสลิงขาด กระเช้าร่วงลงพื้น คนงานเสียชีวิต 1 สาหัส 1

18 มกราคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เกิดอุบัติเหตุสลิงรถเครนงานก่อสร้างทางยกระดับพระราม 2 ขาด ทำให้กระเช้าร่วงลงด้านล่าง คนงานเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย

17 มกราคม 2567 เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่รับแจ้งพื้นที่ก่อสร้างทางยกระดับมอเตอร์เวย์ เอ็ม 82 บริเวณปากซอยพระรามสอง 72 ถนนพระรามสอง ขาเข้า แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร สลิงรถเครนยกกระเช้าคนงานเกิดขาด ทำให้กระเช้าตกลงมาด้านล่าง ซึ่งมีความสูงประมาณ 15 เมตร เป็นเหตุให้มีคนงานเสียชีวิต 1 คน ชื่อ นายวิภาค อายุ 44 ปี และได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน ชื่อ นายธีรภัทร์ อายุ 24 ปี

โดยเหตุเกิดขณะที่รถเครนกำลังดึงกระเช้านำคนงาน ซึ่งเป็นช่างแมคคาทรอนิกส์ขึ้นไปเปลี่ยนน้ำมันไฮโดรคิคโช้คคานเหล็กยกเซ็กเมนต์ หรือรางรองรับพื้นถนน ซึ่งก่อนเกิดเหตุนั้น คนงานที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตไม่ได้ส่งสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติของเครนและกระเช้าแต่อย่างใด

นายสุชาติ ตงเท่ง อาสาสมัครมูนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุจึงรีบมาตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที เมื่อมาถึงพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุอีก 1 คน จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา เบื้องต้นทราบว่า กระเช้าดังกล่าวไม่ได้เป็นกระเช้าสำหรับบรรทุกคนขึ้นไปด้านบน แต่เป็นกระเช้าสำหรับขนของ

พระราม 2 อีกแล้ว รถเครนสลิงขาด กระเช้าร่วงลงพื้น คนงานเสียชีวิต 1 สาหัส 1

ขณะที่คนขับรถเครนได้เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนได้ขึ้นไปขับรถเครนคันดังกล่าวโดยมีนายวิภาค ผู้เสียชีวิต และ นายธีรภัทร์ ผู้บาดเจ็บ ขึ้นไปบนกระเช้าเพื่อจะไปเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นโช๊คไฮโดรลิคโช๊คคานเหล็กยกเซ้กเมนต์ หรือรางรองรับพื้นถนนทางด่วน ซึ่งระหว่างที่คนงานทั้ง 2 คนอยู่บนกระเช้า ไม่ได้ส่งสัญญาณถึงความผิดปกติของเครนและกระเช้า จู่ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นคล้ายกับวัตถุหล่นกระทบพื้น ตนจึงได้วิ่งออกจากรถเครนไปดูก็พบว่า สายสลิงกระเช้าขาด และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คนจากนั้นจึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย 

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนตัวยืนยันว่า ไม่ได้กระทำการโดยประมาทแต่อาจจะเกิดจากอุบัติเหตุ และระบบเซฟตี้ของตัวเครน เพราะช่วงที่กระเช้าขึ้นไปจนสุดระยะเครน 1 ในคนงานได้สื่อสารผ่านโทรศัพท์มาว่าให้นำกระเช้าขึ้นไปให้สูงกว่านี้ เพราะยังไม่ถึงจุดโช๊คไฮโดรลิคที่จะไปเปลี่ยนน้ำมัน 

เมื่อสอบถามว่าที่ผ่านมาตัวเครนและชิ้นส่วนอื่นมีท่าทีบ่งบอกว่าถึงความชำรุดหรือไม่ ทางคนขับรถเครนบอกเพียงว่า ไม่สามารถตอบได้ อยากให้ทางบริษัทเป็นผู้ ตรวจสอบว่าเครื่องจักรมีสภาพที่ชำรุดหรือไม่ 

สรุปเหตุเบื้องต้นเกิดจากประมาทสั่งหยุด 3 วันเช็กความพร้อมอุปกรณ์

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดเหตุ นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง ร่วมกันลงพื้ยที่ตรวจสอบภายในไซต์งานดังกล่าว  

โดย นายกฤชนนท์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นช่างวิศวะ จากสำนักงานใหญ่ ทั้ง 2 คน เพื่อมาเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นโช๊คไฮโดรลิคโช๊คคานเหล็กยก segment โดยใช้รถเครนขนาดใหญ่ยกกระเช้าแบบลูกรอกลำเลียงน้ำมันและคนขึ้นไป แต่ในระหว่างที่คอเครนกำลังจะหยืดสุด ผู้ขับรถเครนไม่ได้ปลดล็อกและฝืนเร่งเครื่อง ทำให้ระบบขัดข้องจนเกิดการกระตุกลวดสลิง จนเกิดเหตุขึ้น 

 

"จะต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะวิธีขั้นตอนการลำเลียงขนของในช่วงเกิดเหตุ ส่วนอุปกรณ์และสภาพของรถเครนนั้น ถือว่าไม่ใช่เป็นสิ่งของใหม่และเก่า ยังต้องตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดยวิศวะทั้ง 2 คน มีประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุกับทางบริษัทรถเครน ซึ่งทางต้นสังกัดต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" นายกฤชนนท์ กล่าว

 

ด้าน นายสราวุธ กล่าวว่า โดยปกติอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ แต่อย่างกรณีนี้จะต้องนำมาเป็นบทเรียน โดยเฉพาะการใช้รถเครนยกกระเช้าด้วยลวดสลิง เพราะโดยปกติแล้วการที่จะใช้กระเช้าลำเลียงคน จะต้องเป็นรถเครนที่มีกระเช้าติดอยู่ในตัว ไม่ใช่ใช้ลูกรอกยกกระเช้าขึ้นไป แต่การกระทำดังกล่าวไม่ได้เข้าข่ายผิดในเรื่องข้อกฎหมาย แต่ทางกรมทางหลวงจะมีการคาดโทษ โดยการให้หยุดดำเนินการก่อสร้างและเสียค่าปรับ ซึ่งจะเป็นผลเสียของผู้รับเหมาก่อสร้างหรือผู้รับผิดชอบใช้งาน

ส่วนเรื่องอุปกรณ์เซฟตี้นั้น จากที่ได้รับรายงาน ช่างวิศวะทั้ง 2 คน ไม่ได้มีการใช้อุปกรณ์เซฟตี้ในการขึ้นกระเช้า เป็นการทำงานที่ประมาททั้งวิศวะและคนขับรถเครน การทำงานในไซต์งานก่อสร้างระดับนี้ทุกอย่างจะต้องพร้อม โดยเฉพาะการไม่ให้เกิดอุบัติเหตุในขณะระหว่างทำงาน เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะส่งผลต่อบุคคลทำงาน และประชาชนที่สัญจรอยู่ในถนนทางหลวง

 

"จากเหตุการณ์นี้กรมทางหลวงได้สั่งให้บริษัทดังกล่าวหยุดดำเนินการเป็นเวลา 3 วัน เพื่อตรวจสอบสาเหตุ และตรวจเช็กอุปกรณ์ทั้งหมด ว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน ก่อนจะอนุญาตให้ดำเนินการก่อสร้างได้อีกครั้งหนึ่ง" นายสราวุธ ระบุ

 

logoline