
เป็นประเด็นใหญ่ ที่ผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจ และแชร์เป็นไวรัล กรณีที่มีผู้ใช้แอปพลิเคชัน "TikTok" รายหนึ่ง โพสต์คลิประหว่างการทดสอบ ปริมาตรน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง พร้อมติดแฮชแท็กว่า #เทรนด์วันนี้ # แก่งคอยหวานเจี๊ยบ
โดยในคลิปพบว่า มีการเติมน้ำมัน 5 ลิตร 2 ครั้ง ซึ่งได้ปริมาณไม่เต็มจำนวนทั้ง 2 ครั้ง ซึ่งหลังจากคลิปดังกล่าวเผยแพร่ไป ผู้ใช้โซเชียลจำนวนมาก ได้เข้าไปถล่มหนักใน เพจเฟซบุ๊ก "PTT Station" ทั้งสอบถามสาเหตุที่เกิดขึ้น รวมทั้งต่อว่า เอาเปรียบผู้บริโภาค
แม้ภายหลัง ฝ่ายสื่อสารองค์กรของ ปตท. ออกหนังสืออธิบายปม "เติมน้ำมันได้ไม่เต็มลิตร" ดังกล่าว โดยยืนยันว่า มาตรวัดหัวจ่ายผ่านการตรวจสอบ และได้รับการรับรองจากสำนักงานชั่งตวงวัด กระทรงพาณิชย์
แต่สิ่งที่ทำให้สังคมยังกังขาคือ การที่ระบุว่า หัวจ่ายน้ำมันกฎหมายชั่งตวงวัด อนุญาตให้คลาดเคลื่อนได้ ทั้งที่ควรจะได้เต็มลิตร ตามจำนวนเงินที่เสียไป จนกลายเป็นไวรัลล้อเลียนไปทั้งโซเชียล รวมถึงเกิดขบวนการ "ล่าแม่มด" ออกชั่งตวงปริมาณน้ำมัน ตามปั๊มน้ำมันต่าง ๆ กันเองของประชาชน ก่อนจะไปแจ้งความเอาผิด
คำถามตัวโต ๆ ของผู้คนในสังคมคือ หลักเกณฑ์ความคลาดเคลื่อน มาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิง ตามสถานีบริการ ที่ได้รับอนุญาตให้ผ่านการตรวจสอบ และได้รับการรับรองจากกรมชั่งตวงวัด กระทรวงพาณิชย์นั้น แท้จริงเป็นอย่างไร มีข้อกำหนดใดบ้าง?
ซึ่งต่อมา นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่ดูแลในเรื่องของพลังงาน ได้มีการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Itthaboon Onwongsa ถึง ระเบียบสำนักงานกลางชั่งตวงวัด ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตรวจสอบ และให้คำรับรองมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิ งตามสถานีบริการของผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้ตรวจสอบ และให้คำรับรองมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการ พ.ศ. 2553 โดยระบุว่า
หัวจ่ายน้ำมัน ที่มีการว่ากฎหมายชั่งตวงวัดอนุญาตให้คลาดเคลื่อนได้ +- ไม่เกิน 50 มิลลิลิตรต่อ 5 ลิตร ค้นหากฎหมายได้ฉบับนี้มา แต่ให้คลาดเคลื่อนได้แค่ 15 มิลลิลิตรต่อ 5 ลิตร หรือเขาใช้กฎหมายไหนอีก ขอกองชั่งตวงวัด กระทรงพาณิชย์ ช่วยบอกที
ทั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียด ระเบียบสำนักงานกลางชั่งตวงวัด ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตรวจสอบและให้คำรับรองมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการของผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้ตรวจสอบและให้คำรับรองมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการ พ.ศ. 2553 ได้ที่นี่ >>>>>
ขอบคุณข้อมูล เฟซบุ๊ก Itthaboon Onwongsa