ย้อนพฤติกรรม "ลุงพล" หลังน้องชมพู่เสียชีวิต ตำรวจใช้ทฤษฎี "น้ำตาจระเข้" จับพิรุธ

20 ธันวาคม 2566 ความคืบหน้า "คดีน้องชมพู่" หลังศาลจังหวัดมุกดาหาร พิพากษาจำคุก นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ฐานกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี, ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันสมควร จำคุก 10 ปี รวมจำคุก 20 ปี และต่อมาศาลให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 5 แสนบาท

ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. หนึ่งในคณะทำงานชุดคลี่คลายคดีน้องชมพู่ ออกมาเปิดใจว่า ขอบคุณศาล ตัดสินด้วยความเป็นธรรม ซึ่งคำตัดสินวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์การทำงานของตำรวจชุดคลี่คลายคดี ที่อดหลับอดนอน ปีนเขา 8 ลูก 9 ลูก มานานกว่า 3-4 เดือน ในการหาพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด เพื่อให้คนร้ายได้รับการลงโทษกับสิ่งที่กระทำต่อเด็กที่อายุเพียงแค่ 3 ขวบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ คณะพนักงานสืบสวน ตามคำสั่ง ตร.ที่ 336/2563 ได้ทำรายงานสรุปประเด็นการสืบสวน คดีการเสียชีวิตของ เด็กหญิง อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือน้องชมพู่ ทั้งหมด 12 ประเด็น ส่งให้กับพนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งได้มีหนังสือให้สอบสวนเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564

โดยมีประเด็นที่น่าสนใจ คือ พฤติกรรมของลุงพล ที่ผิดปกติไปหลังเกิดเหตุ จนมีพิรุธต้องสงสัย ดังนี้

• 1. มีพฤติกรรมกับคนในหมู่บ้าน เปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยร่วมกิจกรรมหมู่บ้าน ก็ไม่มาร่วมเช่นเคย และจากที่เคยไปมาหาสู่สนิทสนมกับครอบครัวของนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา (แม่น้องชมพู่) ก็ไม่มาหาพบปะกันอีก ตั้งแต่จัดงานเผาศพน้องชมพู่เรียบร้อย ทั้งไม่ประกอบอาชีพเพื่อหารายได้ตามปกติ กลับจดจ่อกับการติดตามข่าวการสืบสวนคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ทุกวัน วันละหลายชั่วโมง
• 2. การแสดงออกที่มากเกินจริง (Over exaggerate) โดยแสดงออกในรูปแบบร้องไห้ออกมา ต่อหน้ากล้องบันทึกภาพของนักข่าวที่มาทำข่าว ซึ่งพฤติกรรมการร้องไห้ดังกล่าวนั้นตรงกับทฤษฎีน้ำตาจระเข้ "crocodile tears" กล่าวคือ คนที่กำลังทำความผิดแล้ว เสแสร้งแกล้งร้องไห้ออกมา เพื่อกลบเกลื่อนความผิด และแสดงออกให้คนอื่นได้เห็นว่าตนเองไม่ใช่คนร้าย

• 3. ขันอาสาช่วยเหลือให้ข้อมูล ทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้สืบสวน และนักข่าว ลงพื้นที่เพื่อเกาะติดความคืบหน้าทางคดี
• 4. ติดตามข่าวสารเรื่องการสืบสวนคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ทุกวันอย่างใกล้ชิด แม้กระทั่งวันที่ 2 ตุลาคม 2563 ที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแถลงข่าวที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี กรุงเทพฯ ลุงพลก็เดินทางมาฟังด้วยตนเองที่กรุงเทพฯ ในลักษณะท่าทางร้อนใจ ทั้งที่ยังไม่มีการกล่าวหาทางคดีกับลุงพล แต่อย่างใด
• 5. เมื่อพบว่ามีพยานบุคคล หรือ พยานหลักฐานใด ที่มีการเชื่อมโยงมาถึงลุงพล แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่เป็นพิรุธข้อสงสัย ยังไม่ใช่การพิสูจน์ความผิด ลุงพลจะรีบให้สัมภาษณ์เพื่อโต้แย้งโดยทันที หรือพูดจาเสียงดังต่อว่าพยานบุคคลคนนั้นว่าจำผิด จนตนเองเกิดความเสียหาย
• 6. การท้าทายให้มีการสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของลุงพล แต่เมื่อมีการจัดพิธีสาบานขึ้นจริง ลุงพลกลับไม่ยอมร่วมดื่มน้ำสาบาน, กล่าวคำสาบานไม่ครบถ้วน และ ปักธูปกลับหัวหลังเสร็จพิธีกรรมดังกล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังน้องชมพู่เสียชีวิต วันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ลุงพลไปออกรายการโหนกระแส ซึ่งมี "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" เป็นพิธีกร ให้สัมภาษณ์ประเด็นที่ติดใจสงสัยการเสียชีวิตของหลาน โดยช่วงท้ายรายการ "หนุ่ม กรรชัย" ได้แจ้งผลการชันสูตรอย่างไม่เป็นทางการว่า น้องชมพู่มีบาดแผลบริเวณอวัยวะเพศ ทำให้ลุงพลปล่อยโฮทันที