svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"ไทยสมายล์บัส"ยินดีชดใช้ค่าเสียหลังเมล์ ปอ. 40 ชนระเนระนาดหน้าจุฬาฯ

02 ธันวาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ไทยสมายล์บัส" ออกแถลงการณ์รับผิดชอบความเสียหาย หลังรถเมล์ปรับอากาศสาย 40 ชนระเนระนาดหน้าจุฬาฯ พร้อมเปิดทุนจดบริษัท กว่า 900 ล้านบาท ให้บริการขนส่งสาธารณะทั้งบกและน้ำ

2 ธันวาคม 2566 เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ครั้งใหญ่สำหรับอุบัติเหตุ จากกรณีช่วงเย็นวานนี้ (1ธ.ค.) รถเมล์ปรับอากาศ สาย 40 หมายเลขทะเบียน 16-7612 กรุงเทพมหานคร วิ่งระหว่างสายใต้ใหม่-เอกมัย เสียหลักพุ่งชนรถแท็กซี่ โตโยต้า อัลติส สีเขียวเหลือง ทะเบียน 1 มก 3503 ก่อนจะไหลชนรถที่จอดติดไฟแดงคันอื่นอีก ทำให้มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหายกว่า 20 คัน และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 4 ราย ก่อจะมีการนำตัวผู้บาดเจ็บส่งไปโรงพยาบาลใกล้เคียง อาทิ รพ.เทพธารินทร์ , รพ.หัวเฉียว และ รพ. IMS สีลม

อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุดังกล่าว โดยบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด ได้ออกเอกสารชี้แจง ว่า จากกรณีอุบัติเหตุรถโดยสารปรับอากาศ สาย 40 หมายเลขปฎิรูป 4-39 (44) เกิดเหตุชนบริเวณถนนพญาไท ขาออกจากสามย่าน มุ่งหน้าแยกปทุมวัน จนส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บจำนวน 4 ราย

"ไทยสมายล์บัส"ยินดีชดใช้ค่าเสียหลังเมล์สาย 40 ชนระเนระนาดหน้าจุฬาฯ

โดยเมื่อเกิดเหตุขึ้นทางบริษัท ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในทันที เพื่อรักษาตัวในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด พร้อมประสานประกันภัยเข้าดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ขณะเดียวกันทางบริษัท ขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขอแสดงความรับผิดชอบ ดูแลค่าเสียหายให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบทุกรายอย่างเต็มที่

สำหรับสาเหตุของการชนครั้งนี้ ทางบริษัทได้ตรวจสอบหลักฐาน พร้อมสอบถามข้อมูลกับพนักงานขับรถวัย 60 ปี ยอมรับด้วยตนเองว่า เผลอเหยียบคันเร่ง แทนการเหยียบเบรกรถ ทำให้รถเกิดพุ่งไปกระทบกับรถด้านหน้า จนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว โดยตัวรถนั้นไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด

\"ไทยสมายล์บัส\"ยินดีชดใช้ค่าเสียหลังเมล์ ปอ. 40 ชนระเนระนาดหน้าจุฬาฯ

นอกจากนี้ทางบริษัท จะดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด และลงโทษพนักงานขับรถตามมาตรการขั้นเด็ดขาด พร้อมกำชับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงระบบการให้บริการที่ดีขึ้น ด้วยการคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อุบัติเหตุดังกล่าว ส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก เมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ปทุมวัน อยู่ระหว่างเร่งระบายรถและคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร


 

ขณะที่ นายอัมพร เดชอาจ อายุ 57 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ที่ถูกชนเป็นคันแรก ได้เล่าถึงเหตุการณ์นี้ว่า ระหว่างที่จอดติดไฟแดง ตนมองกระจกหลังเป็นรถ ปอ.40 ที่ตอนแรกจอดนิ่งอยู่ จู่ๆก็ไหลมาชนรถตน ก่อนที่จะไหลชนกันต่อๆกัน หลังตั้งสติได้ตนจึงลงรถไปสำรวจความเสียหาย โดยได้คุยกับคนขับรถ ปอ.40 คนขับบอกว่าเหยียบเบรกแต่เบรกค้าง แต่ตนคิดว่าคนขับน่าจะเหยียบเบรก แต่เหยียบผิดไปเหยียบคันเร่งมากกว่า

นอกจากนี้ ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวคนขับรถ ปอ.40 พร้อมพนักงานเก็บค่าโดยสาร ไปสอบปากคำที่ สน.ปทุมวัน 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ย. รถเมล์ไฟฟ้าสาย 558 วิ่งระหว่างการเคหะพระราม 2-สุวรรณภูมิ ของบริษัทดังกล่าว เคยเกิดเหตุอุบัติพุ่งชนท้ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์กว่า 10 คัน ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 18 ราย โดยเหตุเกิดบริเวณช่องทางคู่ขนาน ถนนพระราม 2 ซอย 4 (ฝั่งขาเข้า) แขวงและเขตจอมทอง มุ่งหน้าแยกบางปะแก้ว 

ต่อมา ทางบริษัทได้ออกเอกสารชี้แจง โดยยืนยันว่า จะรับผิดชอบค่าเสียหายและดูแลผู้บาดเจ็บทุกรายอย่างเต็มที่ เบื้องต้นได้ส่งทีมตรวจสอบที่เกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเช้า พบว่ารถบัสโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย S7 เบอร์ 11 ของอู่เคหะธนบุรี ระบบของรถบัสโดยสารพลังงานไฟฟ้าไม่มีความผิดปกติใดๆ ทั้งเรื่องระบบไฟฟ้าและระบบควบคุมการเบรก จึงยืนยันว่า สาเหตุของการชนครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของระบบตัวรถบัสโดยสารพลังงานไฟฟ้า ซึ่งตามขั้นตอนปกติก่อนเดินรถในทุกวัน ทุกอู่จะทำการตรวจสอบความพร้อมของรถอย่างสม่ำเสมอ

\"ไทยสมายล์บัส\"ยินดีชดใช้ค่าเสียหลังเมล์ ปอ. 40 ชนระเนระนาดหน้าจุฬาฯ

ขณะเดียวกัน บริษัทได้สอบสวน พนักงานขับรถ เป็นที่เรียบร้อย พนักงานขับรถยอมรับว่า ตนเองพักผ่อนน้อยและเผลอเหม่อลอยชั่วขณะ เมื่อรถเคลื่อนตัวไปจึงเกิดอาการตกใจ เมื่อตั้งใจจะเหยียบเบรกรถกลับไปเหยียบคันเร่งแทน ทำให้ความเร็วของรถพุ่งตัวไปจนตัวรถเสียการควบคุมไปชั่วขณะ

ส่วนมาตรการของบริษัทจะดำเนินการลงโทษพนักงานขับรถตามมาตรการขั้นสูงสุด พร้อมกำชับแนวทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต บริษัทขออภัยกับผู้บาดเจ็บและครอบครัวทุกท่านมา ณ โอกาสนี้

อนึ่ง ปัจจุบันกลุ่มไทยสมายล์เปิดให้บริการรถโดยสารสาธารณะแล้ว กว่า 70 เส้นทาง หรือกว่า 900 คัน โดยแบ่งเป็น รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า 35 เส้นทาง หรือจำนวนรถที่บริการ 612 คัน และรถโดยสารสาธารณะเอ็นจีวี 37 เส้นทาง หรือคิดเป็นจำนวนรถที่ให้บริการ 365 คัน 

นอกจากนี้ กลุ่มไทยสมายล์ ยังเปิดให้บริการสำหรับการเดินทางทางน้ำ โดยให้บริการเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า ตามลำน้ำเจ้าพระยา จำนวน 3 เส้นทาง หรือ 23 ลำ และในอนาคตอันใกล้จะมีเรืออีก 17 ลำ มาให้บริการเพิ่มเติม อันจะส่งเสริมการเชื่อมต่อการเดินทางทั้งทางบก และทางน้ำของผู้โดยสารอย่างไร้รอยต่อ ประหยัดเวลาในการเดินทาง และยังลดภาระค่าครองชีพอีกด้วย

สำหรับบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด จดทะเบียน เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2563 ประกอบกิจการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถประจำทางในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และลงทุนในกิจการขนส่งรถโดยสารสาธารณะประจำทาง มีทุนจดทะเบียน 910 ล้านบาท 

รวมทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บริษัท เอซ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด สัดส่วนการถือหุ้น 99.99% และที่เหลือเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย 2 ราย คือ

  1. น.ส.กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา
  2. น.ส.ปทิตา มิลินทจินดา

ทั้งนี้ น.ส.กุลพรภัสร์ มีตำแหน่งเป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสมายล์ บัส จำกัด และก่อนหน้านี้เป็นผู้บริหารบริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด และผู้ก่อตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ ของกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA)

ส่วน น.ส.ปทิตา ปัจจุบันเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (สายงานธุรกิจหลักทรัพย์) บริษัท หลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) โดยบริษัทดังกล่าวได้เข้าไปทำธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าร่วมกับ EA และบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน)


 

 

logoline