svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ตร.ไซเบอร์ จับเพิ่มแก๊งหลอกลงทุนคริปโต อึ้งพบเหยื่อวัย 73 คนเดียวโดน 300 ล.

ตำรวจไซเบอร์ จับเพิ่มคนร้ายในปฏิบัติการ BLACK HAT แก๊งหลอกลงทุนคริปโต มูลค่าความเสียหายกว่า 530 ล้าน อึ้งพบเหยื่อวัย 73 คนเดียวโดนหลอกไป 300 ล้าน พร้อมเปิดที่มาของคดีและพฤติกรรมลวงเหยื่อของกลุ่มคนร้ายมีวิธีการตุ๋นเหยื่ออย่างไร

12 พฤษภาคม 2567 ความคืบหน้ากรณีตำรวจ บช.สอท. หรือตำรวจไซเบอร์เปิด ปฏิบัติการ BLACK HAT ล่าล้างขบวนการหลอกลงทุนคริปโต สามารถตรวจยึดทรัพย์สินกว่า 125 ล้าน เพื่อเตรียมเฉลี่ยคืนแก่ผู้เสียหาย โดยเป็นกรณีที่มีผู้เสียหาย จำนวน 5 ราย โดนมิจฉาชีพสร้างโปรไฟล์ปลอม แล้วหลอกลวงให้ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Cryptocurrency สร้างความเสียหายรวมกันมูลค่ากว่า 530 ล้านบาท มี 1 ในผู้เสียหายเป็นชายอายุ 73 ปีโดนหลอกให้ลงทุนมากถึง 308,204,326.50 บาท 

สิ่งที่น่าสนใจของคดีนี้คือ เส้นทางการเงินของคดีหลอกลงทุนคริปโตดังกล่าว มีความเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงิน ในคดีเว็บพนันออนไลน์จำนวน 2 เครือข่าย มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 13,000 ล้านบาท จนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 23 ราย พร้อมยึดเงินสดกว่า 117 ล้านบาท พร้อมทั้งรถยนต์ Porsche จำนวน 1 คัน มูลค่า 8 ล้านบาท รวมทรัพย์สินทั้งสิ้น มูลค่ากว่า 125 ล้านบาท เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ และนำมาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้แก่ผู้เสียหาย โดยทางตำรวจไซเบอร์ได้มีการแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา
ตร.ไซเบอร์ จับเพิ่มแก๊งหลอกลงทุนคริปโต อึ้งพบเหยื่อวัย 73 คนเดียวโดน 300 ล.

ล่าสุด ตำรวจไซเบอร์สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการได้เพิ่มเติมอีก 1 ราย คือ นายสุธิชา อายุ 24 ปี ชาวชัยภูมิ ที่ได้หลบหนีการจับกุม ไปกบดานอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้บริเวณหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ตลาด อ.เมือง จ.นครราชสีมา

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหา จึงนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายสุธิชา อายุ 24 ผู้ร่วมขบวนการหลอกลงทุนคริปโต
 

เปิดที่มาของคดีและพฤติการณ์ของคนร้าย

สำหรับคดี BLACK HAT ล่าล้างขบวนการหลอกลงทุนคริปโต นั้น สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2566 ตำรวจไซเบอร์ได้รับแจ้งความจากกลุ่มผู้เสียหาย จำนวน 5 ราย ซึ่งพบว่า มีความเชื่อมโยงหลายท้องที่ และมีรูปแบบแผนประทุษกรรมในรูปแบบเดียวกัน กล่าวคือ โดนมิจฉาชีพสร้างโปรไฟล์ปลอม แล้วหลอกลวงให้ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลหรือคริปโต โดยมิจฉาชีพสร้างแพลตฟอร์มปลอมขึ้นมา เพื่อหลอกผู้เสียหายว่า ได้กำไรจากการลงทุน 

จากนั้นมิจฉาชีพจะหลอกล่อให้ผู้เสียหายนำเงินมาลงทุนเพิ่ม จนกระทั่งท้ายที่สุดไม่สามารถถอนคืนเงินลงทุนคืนได้ สร้างความเสียหายรวมกันมูลค่ากว่า 530 ล้านบาท โดยจากข้อมูลพบว่า มี 1 ในผู้เสียหายที่เป็นผู้สูงอายุ โดนหลอกให้ลงทุนมากถึง 308 ล้านบาท นอกจากนี้ จากการตรวจสอบผู้เสียหาย ที่ถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน เบื้องต้นยังพบว่ามีอีกจำนวน 163 เคสไอดี รวมความเสียหายอีกประมาณ 168 ล้านบาท
ผู้ต้องหาขบวนการหลอกลงทุนคริปโต

และในห้วงเวลาใกล้เคียงกัน ทางตำรวจไซเบอร์ ได้เปิดปฏิบัติการทลาย 2 เว็บพนันออนไลน์ เครือข่าย ufabet-jc และ play.beer777 พบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 13,000 ล้านบาทต่อปี โดยตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้หลายราย ทั้งกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ กลุ่มผู้จัดการเรื่องการเงิน จนไปถึงเจ้าของบัญชี พร้อมตรวจยึดเงินสด 117,835,200 บาท รถยนต์ PORSCHE รุ่น CAYANNE จำนวน 1 คัน  มูลค่าประมาณ 8,000,000 บาท และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 150 ล้านบาท ซึ่งคดีนี้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าในสังกัด ทำการสืบสวนจับกุมและขยายผลจากกรณีดังกล่าวเรื่อยมา

ต่อมา จากการสืบสวนขยายผลและวิเคราะห์เส้นทางการเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบสิ่งที่น่าสนใจ กล่าวคือ เส้นทางการเงินของคดีหลอกลงทุนคริปโตดังกล่าว มีความเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินในคดีเว็บพนันออนไลน์ ที่เคยเปิดปฏิบัติการจับกุมข้างต้น โดยพบว่าเงินที่ถูกหลอกลวงจากการการลงทุนคริปโต ได้ถูกนำมาผ่านกระบวนการฟอกเงิน โดยมีกลุ่มคนร้ายแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน
ผู้ต้องหาขบวนการหลอกลงทุนคริปโต

โดยในคดีนี้ ชุดสืบสวนสอบสวนมีข้อมูลพยานหลักฐานว่า นายกัญจน์นิพิฐ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาในคดีเว็บพนันออนไลน์ดังกล่าวข้างต้น ยังมีหน้าที่เป็นผู้จัดการทางการเงิน ให้แก่กลุ่มอาชญากรข้ามชาติต่างๆ ที่มีความเชื่อมโยง จากการฟอกเงิน ที่ได้จากการกระทำความผิดในหลายคดี จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อได้ว่า ทรัพย์สินที่ตรวจยึดในคดีนี้ได้มาจากการหลอกลงทุนทรัพย์สินดิจิทัล โดยผ่านกระบวนการฟอกเงินที่สลับซับซ้อน ด้วยวิธีการใช้โพยก๊วนสมัยใหม่ (คริปโทเคอเรนซี) เพื่อแปลงสภาพทรัพย์สินที่ ได้มาจากการกระทำความผิด

ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งรัดขยายผลกรณีดังกล่าว จนนำมาสู่ปฏิบัติการ BLACK HAT ล่าล้างขบวนการหลอกลงทุนคริปโต โดยตำรวจไซเบอร์ได้รายงานข้อมูลความเชื่อมโยงคดี ระหว่างการหลอกลงทุนเงินดิจิทัล กับคดีการพนันออนไลน์ดังกล่าวไปยังสำนักงาน ปปง. 

และต่อมาสำนักงาน ปปง. ได้มีคำสั่งที่ ย.93/2567 ลงวันที่ 22 เม.ย.67 เพื่อยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวที่ เจ้าหน้าที่จึงยึดเงินสดกว่า 117 ล้านบาท พร้อมทั้งรถยนต์ Porsche จำนวน 1 คัน มูลค่า 8 ล้านบาท รวมทรัพย์สินทั้งสิ้น มูลค่ากว่า 125 ล้านบาท เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ และนำมาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้แก่ผู้เสียหายต่อไป 

นอกจากนี้ ยังสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับผู้ต้องหาเป็นเครือข่ายได้จำนวนมาก และได้ระดมกำลังตำรวจไซเบอร์ทั่วประเทศ ติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จนสามารถจับกุมได้จำนวน 23 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” นำส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย 
ผู้ต้องหาขบวนการหลอกลงทุนคริปโต