22 พฤศจิกายน 2566 จากคดีเสียชีวิตปริศนาของ นายคมสัน สุรณัฐกุล หรือ "ปลัดกล้า" อายุ 47 ปี ปลัดอำเภอฝ่ายทะเบียน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ขับรถตกฝายน้ำล้น ถนนสายนายาว-เขาฉกรรจ์ บ้านเกาะรัง หมู่ 10 ต.หนองหว้า อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว เสียชีวิต ตรวจสอบร่างกายพบบาดแผลฉกรรจ์ ขณะที่ จ.อ.เกริกชัย (สงวนนามสกุล) ปลัดอำเภอสนามชัยเขตอีกคนที่นั่งโดยสารมาด้วยกันรอดชีวิต หลังใช้ปืนยิงกระจกหนีออกมาขณะรถจมน้ำ
ต่อมา ผลการชันสูตรพลิกศพ ระบุว่า นายคมสันเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเนื่องจากจมน้ำ ส่วนผลการผ่าพิสูจน์อย่างละเอียด อยู่ระหว่างรอผลการดำเนินการจากห้องปฏิบัติการนิติเวชซึ่งอาจต้องใช้เวลาประมาณ 30 วัน จึงจะรู้ผล แต่ด้วยคดีดังกล่าวมีข้อพิรุธหลายอย่าง ทั้งจากบาดแผลของผู้ตายที่ไม่สอดคล้องกับลักษณะการเกิดเหตุ รวมถึงคำให้การของ จ.อ.เกริกชัย ผู้รอดขีวิต ที่ให้การวกไปวนมาเกิดข้อเคลือบแคลงหลายประเด็น จนทางตำรวจกองปราบเล็งเห็นความผิดปกติ ส่งกำลังลงพื้นที่ช่วยสืบสวนคลี่คลายข้อเท็จจริงตามที่เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พ.ย. พ.ต.อ.เข็มชาติ สุวะศรี ผกก.สภ.เขาฉกรรจ์ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ในวันนี้ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน ไปทำการสอบปากคำนายปรัชญา พิมพ์พาแป้น นายอำเภอสนามชัยเขต ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาตามสายงานของปลัดทั้งสอง ในฐานะพยาน เพื่อสักถามประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ตายกับผู้รอดชีวิตว่ามีปัญหาขัดแย้งหรือปัญหาส่วนตัวอะไรต่อกันหรือไม่
ขณะเดียวกัน ยังได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งดำเนินการออกหมายเรียก จ.อ.เกริกชัย มาเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนใหม่อีกครั้งในฐานะพยาน เพื่อสักถามบางประเด็นที่ยังมีข้อเคลือบแคลงให้สิ้นสงสัย โดยจะเร่งดำเนินการภายใน 1-2 วันนี้
ด้าน น.ส.วิภาวดี เพชรสลับแก้ว ภรรยาของนายคมสัน หรือ ปลัดกล้า ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า หลังทราบเรื่องตำรวจกองปราบฯ ส่งกำลังลงพื้นที่ร่วมสืบสวนคลี่คลายข้อสงสัยทางคดีต่างๆร่วมกับทางตำรวจท้องที่ด้วยนั้น ก็รู้สึกดีใจและซึ้งใจเป็นอย่างมาก ที่ยังคงไม่ทิ้งหรือเพิกเฉยต่อการตายของสามีตน ทำให้มีความหวังที่จะได้ทราบว่าสุดท้ายแล้วสามีตนนั้นเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด
"ตนปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฎ ยืนยันเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจไทย ว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่สามีตน และ กับทุกๆฝ่ายได้" น.ส.วิภาวดี กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบวัตถุพยานหลักฐานโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย ซึ่งมีอยู่ 2 เครื่อง โดยเครื่องแรกหล่นอยู่ในรถคันที่เกิดเหตุ อยู่ระหว่างทำการกู้ข้อมูลกลับคืนมาเพื่อตรวจความผิดปกติ เนื่องจากตัวเครื่องจมน้ำได้รับความเสียหาย ส่วนอีกเครื่องหนึ่งอยู่ที่ตัวของ จ.อ.เกริกชัย ผู้รอดชีวิต ที่เจ้าตัวอ้างว่าหยิบผิดมานั้น ยังคงสามารถใช้งานได้ปกติ
และจากการตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ในเครื่องดังกล่าวนี้เอง เจ้าหน้าที่ได้พบข้อมูลสำคัญซึ่งมีผลต่อทิศทางของรูปคดีเป็นอย่างมาก เนื่องจากพบว่า หลังเกิดเหตุประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือช่วงเวลาประมาณ 23.00-00.00 น. ได้มีผู้โทรศัพท์เข้ามายังเครื่องดังกล่าว
ซึ่งขณะนั้น จ.อ.เกริกชัย กำลังถืออยู่ในมือ แต่เจ้าตัวกลับเลือกที่จะไม่รับสาย ทั้งที่สามารถกดรับสายโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวได้ ซึ่งผิดปกติวิสัยของคนทั่วไป ที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาคับขันพึ่งเกิดเหตุร้ายขึ้นมาไม่นาน และ กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นอย่างเร่งด่วน จึงไม่มีเหตุผลที่จะเลี่ยงการรับสาย แล้วเลือกที่จะรอให้มีคนผ่านมาพบเพื่อให้การช่วยเหลือในตอนเช้าแทน ดังนั้นการเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของ จ.อ.เกริกชัย จึงเต็มไปด้วยข้อพิรุธอย่างเลี่ยงไม่ได้
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากการตรวจสอบรถคันเกิดเหตุหลังทำการเก็บกู้รถขึ้นมาจากน้ำได้แล้วนั้น เจ้าหน้าที่ได้พบความผิดปกติเพิ่มเติมอีกหลายประเด็น โดยพบว่า เบ้ากุญแจรถคันดังกล่าวไม่มีลูกกุญแจเสียบคาไว้ อีกทั้งสถานะเบ้ากุญแจรถยังอยู่ในตำแหน่ง OFF หรือ สถานะดับเครื่องยนต์ ก่อนที่ต่อมาทีมนักประดาน้ำจะสามารถงมเจอลูกแจดอกดังกล่าว ซึ่งจมอยู่ใต้น้ำห่างจากจุดที่เจอรถประมาณ 10 กว่าเมตร อีกทั้งยังพบว่ารถคันดังกล่าวมีการดึงเบรกมือค้างทิ้งไว้ จึงทำให้ทางเจ้าหน้าที่เกิดข้อสงสัยว่า มีการดับเครื่องรถก่อนที่รถจะจมลงไปในน้ำหรือไม่
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบสภาพอุปกรณ์หลายๆอย่างภายในห้องโดยสาร โดยเฉพาะบริเวณแผงคอนโซลรถ และ ด้านประตู ทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสาร พบว่า อุปกรณ์ต่างๆยังอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีร่องรอย บุบเสียหายจากการถูกกระแทกแต่อย่างใด จึงไม่สอดคล้องกับสภาพบาดแผลที่พบบริเวณศีรษะของผู้ตาย ด้วยเหตุนี้ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าบาดแผลที่พบในตัวผู้ตายนั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุใด