
10 ตุลาคม 2566 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมเกียรติ พิมพกันต์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.5.บก.ปปป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ อัยการอาญากรุงเทพใต้ จำนวน 3 ราย หลังเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการแต่งเติมเนื้อหาสำนวนคดีเกินจริง เพื่อกลั่นแกล้งให้ตนได้รับรับโทษทางคดี โดยนำหลักฐานเอกสารต่างๆมามอบให้พนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ นายษิทธา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ได้เคยแจ้งความเอาผิดตนในคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา แต่ไม่ได้มีการส่งฟ้องต่อศาลภายใน 1 ปี ทำให้คดีหมดอายุความ ต่อมาตนจะมาทราบเรื่องภายหลังว่า ในช่วงที่คดียังดำเนินการอยู่นั้น มีการแต่งเติมข้อความในสำนวนคดีเกินจริง เพื่อที่จะกลั่นแกล้งตนให้ได้รับโทษ โดยมีพนักงานอัยการจำนวน 3 คน เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง และ พนักงานอัยการกลุ่มนี้ ยังเป็นกลุ่มเดียวกันที่เคยดำเนินคดีกับตัวเอง ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน กรณีให้สัมภาษณ์พาดพิง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับมาตราการดูแลประชาชนในสถานการณ์โควิด-19 เมื่อปี 2563 อีกด้วย
“ในวันนี้ตนจึงตัดสินใจมาร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานและเป็นประโยชน์กับประชาชน หากถูกเจ้าหน้าที่รัฐกลั่นแกล้ง”
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ในวันพรุ่งนี้ตนเองก็จะมาร้องทุกข์กล่าวโทษที่ บก.ปปป. อีกครั้ง เพื่อให้เอาผิดอัยการ จ.สมุทรปราการ ส่วนจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ขอเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ และช่วงบ่ายจะเดินทางไปยื่นหนังสือให้สอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ตรวจสอบอดีตผู้บัญชาการแห่งชาติ ตัวย่อ ส. กรณีทุจริต ฮั้วประมูลจัดซื้อจัดจ้าง โรงงานผลิตกระสุนปืนที่มีทั่วประเทศกว่า 13 แห่ง ความเสียหายราว 200 ล้านบาท